แม่เฒ่าผู้สืบทอดศิลปะมะโย่งแห่งบ้านเชิงเขาตำบลปะลุกาสาเมาะ
อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส

ที่มา: ประเพณีวัฒนธรรมของคนบ้านเชิงเขา:    มะโยง หรือเมาะโย่ง http://www.geocities.com/banchengkao/07.html

 

    บางคณะสันนิษฐานว่ามะโย่งเกิดขึ้นในอาณาจักรมัชปาหิต  บ้างก็ว่าเกิดขึ้นที่เมืองปาเล็มบัง (๕)    สรุปแล้วไม่มีมะโย่งคณะใดเชื่อว่ามะโย่งเกิดขึ้นในอาณาจักรปัตตานีเลยแม้แต่คณะเดียว
                ในประเทศมาเลเซียในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่  ๒๐  นั้น  ละครรำมะโย่งได้รับการรับรองว่าเป็นการละเล่น
เพื่อความบันเทิงในราชสำนัก  โดยอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของเติงกู  ตือเมิงฆง  กัฟฟัร  (๖)   (Tengku Temenggung Ghaffar)
  ซึ่งเป็นโอรสองค์หนึ่งของสุลต่านรัฐกลันตัน  พระองค์เป็นผู้ที่มีความสนพระทัยในงานศิลปะและวัฒนธรรมทุกประเภท 
พระองค์ให้การอุปถัมภ์แก่เหล่าบรรดาศิลปิน  โดยประทานเงินเดือนให้  ทรงส่งเสริมให้มีการจัดตั้งคณะละคร  และพระองค์ทรงทำการคัดเลือกตัวนักแสดงและฝึกฝนให้ด้วยพระองค์เอง  จนเกิดหมู่บ้านการละครขึ้นในรัฐกลันตัน
  เรียกว่า  “หมู่บ้านตือเมิงฆง”  (Kampuung Temenggung)  ตามพระนามของพระองค์ในหมู่บ้านแห่งนี้มีทั้งโรงละครมะโย่ง 
มโนราห์  วายังกูลิต  และโรงละครบังซาวันในสมัยของพระองค์  การละเล่นมะโย่งได้รับความนิยมสูงสุดและเจริญ
รุ่งเรืองมากที่สุดในรัฐกลันตัน  และเป็นการแสดงในราชสำนักเท่านั้นต่อเมื่อสิ้นพระองค์ท่าน  คณะมะโย่งมีอันต้อง
แตกวงไปเพราะขาดผู้อุปถัมภ์จากชนชั้นสูง  มีปัญหาทางเศรษฐกิจ  ช่วงนี้เองที่มะโย่งกลายเป็นการละเล่นเพื่อความ
บันเทิงของชาวบ้านทั่วไปไม่ใช่ของราชสำนักอีกต่อไป
                ส่วนมะโย่งที่พบในเกาะสุมาตราเหนือของประเทศอินโดนีเซีย (๗)    เช่นในเมืองเซิอร์ดัง  (Serdang)
  และเดอลี  (Deli)  เป็นคณะมะโย่งที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคณะมะโย่งของรัฐเคดาห์และปะลิศที่เดินทางไปแสดงที่นั่น
ในปลายคริสต์ศตวรรษที่  ๑๙  โดยเดินทางออกจากรัฐปีนังสู่อินโดนีเซีย  ในราวปี  ค.ศ.  ๑๘๘๘-๑๙๔๖  สุลต่าน  สุไลมาน 
ชาริฟุล  อาลัม  ชัฮ  (Sultan Sulaiman Shariful Alam Shah)  สุลต่านองค์สุดท้ายแห่งเมืองเซิอร์ดังทรงให้การสนับสนุนให้มี
ีการจัดตั้งคณะละครรำมะโย่งขึ้นในเมืองของพระองค์  เพราะพระองค์มีความสนพระทัยในศิลปะการแสดงมะโย่งเป็นอย่างมาก 
คณะมะโย่งที่ก่อกำเนิดในเมืองนี้มีนักแสดงส่วนหนึ่งมาจากคณะมะโย่งของรัฐปะลิศ  ภาษาที่ใช้แสดงจึงเป็นภาษามลายู
สำเนียงถิ่นประลิศ  และมะโย่งในเมืองนี้รุ่งเรืองเรื่อยมาจนถึงปี  ค.ศ. ๑๙๖๔  เมื่อเกิดการปฏิบัติทางการเมืองล้มล้าง
ระบบสุลต่าน  และการสิ้นพระชนม์ของสุลต่านสุไลมาน  ชาริฟุลอาลัม  ชัฮ  ความนิยมในละครรำมะโย่งจึงเสื่อมถอย
ตามไปด้วย
                เป็นที่น่าสังเกตว่า  จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และคำบอกเล่าของคณะมะโย่งปัจจุบัน  มิอาจระบุแหล่งกำเนิด
ของมะโย่งได้  ในขณะที่นักวิชาการของมาเลเซียสันนิษฐานว่าน่าจะมีกำเนิดมาจากอาณาจักรปัตตานีในอดีตมากกว่าที่อื่น  ซึ่งถ้าเราพิจารณาในด้านการใช้ภาษาในการแสดงแล้วย่อมมีความเป็นไปได้ที่มะโย่งจะมีกำเนิดมาจากอาณาจักรปัตตานี
ีเพราะมะโย่งจะใช้ภาษามลายูสำเนียงถิ่นปัตตานีในการแสดง  ซึ่งเป็นภาษามลายูถิ่นที่พูดกันในรัฐกลันตันของมาเลเซีย
ด้วยเช่นกัน ละถ้าหากว่ามะโย่งมีกำเนิดมากจากชวาตามการคาดคะเนของคณะมะโย่งในปัตตานีปัจจุบันแล้วเหตุใด
จึงไม่เป็นที่แพร่หลายในอินโดนีเซียและไม่มีการสืบทอดหลงเหลือให้เห็นบ้าง  ตรงกันข้ามจะต้องเชิญคณะมะโย่ง
จากมาเลเซียไปฝึกให้  ซึ่งต่างกับวายังกูลิตชวาที่ไม่มีวันตายจากสังคมของชาวอินโดนีเซีย  แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธว่า
มะโย่งอาจจะมีแหล่งกำเนิดมาจากชวา  เพราะเกาะชวาเป็นแหล่งสร้างสมวัฒนธรรมให้กันดินแดนต่าง ๆ  ในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้มากมายมาหลายศตวรรษแล้วเช่นกัน
__________________________

                (๕)  ประพนธ์  เรืองณรงค์,  สมบัติไทยมุสลิมภาคใต้ : การศึกษาคติชาวบ้านไทยมุสลิม  จังหวัดปัตตานี 
ยะลา  และนราธิวาส  (กรุงเทพฯ : เจริญวิทย์การพิมพ์, ๒๕๒๗),  หน้า  ๙๓-๙๕
                (๖)  Ghulam Sarwar Yousof,  “Drama-tari Mak Yong Dari Kelantan-Satupengenalan” p. 31.)
                (๗)  Ghulam Sarwar Yousof,  “Mak Yong Di Serdang Sumatera Utara”  in sirih Pinang Kumpulan Esei Budaya
(Kuaia Lumpur : Dewan Bahasa dan Pustaka, 1983), p. 32.
               

 
PREVIOUS