ลำดับการแสดงและเนื้อเรื่อง
                การแสดงมะโย่งเริ่มต้นด้วย  พระเอก  หรือเปาะโย่งนำผู้แสดงทุกคนนั่งล้อมเป็นวงกลมหันหน้ามาทางดนตรี
ีและผู้ชม  จากนั้นเปาะโย่งเริ่มต้นไหว้ครู   ด้วยการร้องเพลง  “มีกาดับ  รีบับ”  โดยใช้เวลาประมาณ  ๒๐  นาที 
ระหว่างนั้นผู้แสดงอื่น  เคลื่อนไหวนิ้วมือ  แขน  และลำตัวอย่างช้า ๆ  เมื่อเพลงจบก็เปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่ายืน  จากนั้น
ผู้แสดงจะรำซ้ำ ๆ  รอบ ๆ  เวที  ต่อมาผู้แสดงคนหนึ่งออกมาร้องเพลงเริ่มเรื่อง  เมื่อจบแล้วเปาะโย่งออกมาแนะนำตัวแล้ว
ดำเนินเรื่อง
                ส่วนมะโย่งในสี่จังหวัดภาคใต้  ก่อนแสดงจะมีการไหว้ครู  เครื่องสังเวยหรือเครื่องกำนัลส่วนใหญ่มีข้าวสาร 
๑  จาน  เงิน  ๑๕  สตางค์  แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น  ๑๕  บาท  จากนั้นมีการปัดรังควาญหรือไล่ผี  โดยการซัดข้าวสารรอบ ๆ 
โรง  และให้ผู้แสดงดื่มน้ำมนต์  เมื่อเริ่มแสดงจะมีผู้หญิงประมาณ  ๗  คน  ออกมารำและร้องต่อหน้าเปาะโย่ง  ส่วนลูกคู่
ก็ร้องตาม  โดยใช้เวลาประมาณ  ๒๐  นาที  เช่นกัน  เมื่อร้องและรำเสร็จแล้วผู้หญิงแสดง  ๑  ใน  ๗  ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้  ออกไปถามเปาะโย่งว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง  เปาะโย่งก็สั่งไปหาบื่อรันตูวอ  หรือเสนาอาวุโส  จากนั้น  ดำเนินเรื่อง
ตามที่กำหนดไว้
                เรื่องที่ใช้แสดงมะโย่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับความรัก  และท้องเรื่องทำนองจักร ๆ  วงศ์ ๆ  อย่างนิทานไทย  เรื่องที่นิยมแสดงมีประมาณ  ๑๒  เรื่อง  ที่ยอดเยี่ยมได้แก่เรื่องเดวามูดอ  หรือเทพธิดา  เนื้อเรื่องเกี่ยวกับว่าวบุหลัน  หรือว่าววงเดือนโดยมีเรื่องย่อดังนี้
                เจ้าชายองค์หนึ่งเป็นราชบุตรบุญธรรมของกษัตริย์เชื้อวงศ์อสัญแดหวา  วันหนึ่งเจ้าชายได้รับเชิญจากเจ้าหญิง
ซึ่งเป็นเทพธิดา  ณ  สรวงสวรรค์  โดยจารึกคำเชิญบนกลีบบัวลอยมาตามกระแสน้ำ  เป็นผลให้เจ้าชายขอยืมว่าววิเศษจากพระมารดาเป็นพาหนะไปสู่ทิพย์วิมานพร้อมมหาดเล็กคนสนิท  ๒  คน                เมื่อถึงอุทยานจ้าชายและมหาดเล็กปลอมกายเป็นแมวและหนูวิ่งตรงมาที่พระตำหนักต่อมาเจ้าชายได้ลักลอบเข้าไปพบองค์หญิง
และความลับก็รั่วไหล  เพราะพี่เลี้ยงเจ้าหญิงได้ยินเสียงสนทนาจากห้องบรรทม  ในที่สุดเย็นวันหนึ่งขณะเมื่อเจ้าชายกำลังหนีออกทางบัญชรก็ถูกยิงด้วยธนูสิ้นพระชนม์มหาดเล็กนำพระศพกลับสู่บ้านเมือง
โดยว่าววิเศษ  ระหว่างจัดงานพระศพปรากฏว่าเจ้าหญิงเสด็จลงมาแปลงกายเป็นคนเก็บสมุนไพรเพื่อช่วยให้เจ้าชายคืนชีพ  เมื่อได้ผลเจ้าหญิงก็อันตรธาน  เป็นเหตุให้เจ้าชายควบม้าวิเศษตามไปยังวิมานและมีความสุขด้วยกัน
                เรื่องที่ยาวเป็นพิเศษ  คือเรื่องหอยสังข์  ซึ่งจะนำมาเล่นเป็นการเปรียบเทียบกับสังข์ทองของไทย  เริ่มเรื่องพระราชาองค์หนึ่งหวังได้โอรสจากประไหมสุหรี  หรือมเหสีองค์ที่  ๑  ซึ่งเป็นธิดาของพญานาค  แต่ปรากฏว่าพระราชาได้รับความอัปยศมากเพราะได้โอรสเป็นหอยสังข์  จึงขับไล่มเหสีออกจากวัง
                มเหสีหรือธิดาพญานาคไปอาศัยกับฤาษีในป่า  ต่อมาทราบว่าหอยสังข์นั้นมีเจ้าชายอายุ  ๑๕  ปี  ซ่อนอยู่ข้างใน  ปรกติเจ้าชายมักวิ่งเล่นกับชาววัง  และด้วยความเก่งกล้าพระองค์ได้รับยกย่องเป็นผู้นำหมู่  วันหนึ่งพวกเด็กหนุ่มไปหยอกล้อและแกล้งนายพรานล่าไก่ป่า  จนถึงกับมีเรื่องฟ้องไปถึงในวังเพราะนายพรานผู้นั้น
เป็นคนหลวง
                พระสังข์ถูกนำไปเฝ้า  และไม่ยอมคารวะพระราชา  เพราะเจ็บแค้นที่พระมารดาได้รับความลำบาก  แถมเจ้าชายอาละวาดทุบข้าวของแตกกระจายเป็นเหตุให้พระราชาพิโรธนำพระสังข์ไปประหารแต่คมดาบไม่ระคายผิว  ต่อมานำไปให้ช้างเหยียบก็ไม่สำเร็จในที่สุดนำเจ้าชายอัดเข้าไปในกระบอกปืนใหญ่แทนกระสุน  แล้วยิงออกไปตกลงทะเลลึก  แต่ด้วยบุญกุศลเป็นเหตุให้พญานาคซึ่งเป็นพระอัยกาช่วยชีวิตไว้  และนำไปให้นางยักษ์เลี้ยงแทน  ต่อมามาพระสังข์รู้ความลับว่ามารดาเลี้ยงเป็นรากษสวิญญาณซ่อนไว้ในโอ่งแก้ว  จึงทุบโอ่งแก้วนั้นเสียเป็นเหตุให้นางยักษ์ถึงแก่ความตายทันที
                ระหว่างอาศัยอยู่กับนางยักษ์นั้น  พระสังข์ได้ร่ำเรียนวิชาล่องหน  และได้พบหนังวานรชนิดหนึ่งไม่มีหาง  สวมแล้วเหาะเหินเดินอากาศไ ด้  เมื่อออกจากเมืองรากษสเจ้าชายก็ได้เหาะมาที่เมืองแห่งหนึ่งซึ่งขณะนั้นพระธิดา  ๗  พระองค์  กำลังเก็บดอกไม้เพื่อใช้ในพิธีหมั้น  เจ้าชายได้ใช้เวทย์มนต์คาถาไม่ให้ผู้อื่นเห็นพระองค์  ยกเว้นพระธิดาองค์สุดท้อง  พระสังข์ขอความรักจากนางในที่สุดพระธิดาตกลงแต่งงานกับวานรปลอม
                เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องก็กริ้ว  จึงขับไล่ธิดาและลูกเขยวานรออกจากวังภายหลังพระราชากลั่นแกล้งให้เขยทั้ง  ๗  ทำงานที่แสนยาก  ซึ่งคาดว่าเขยสุดท้องทำไม่สำเร็จ  แต่พระสังข์ทำได้สำเร็จทุกครั้ง  เพราะอาศัยเวทมนต์เป็นสำคัญ  เมื่อถึงพิธีแต่งตั้งบุตรเขยเป็นรัชทยาทปรากฏว่าเขยวานรเปิดเผยความจริง  และได้ยกย่องให้เป็นผู้สืบสันติวงศ์ต่อไป  เรื่องหอยสังข์มลายูก็จบลงด้วยประการฉะนี้.

ที่มา : สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ.2540,98

      ส่วนเรื่องหอยสังข์สำนวนมะโย่งภาคใต้ยังแตกต่างออกไปอีก กล่าวคือพระสังข์กับมารดาไปอาศัยอยู่กับชาวไร่  พระสังข์มีไก่ชนตัวเก่งเข้าไปท้าชนกับพระราชา  (ความจริงคือพระบิดา)  เมื่อไก่ชนพระสังข์ชนะ  กุมารกลับถูกทหารจับนำไปประหารชีวิตพระสังข์วิงวอนนำไก่ไปคืนพระมารดาก่อน  ภายหลังพระมารดาติดตามพระสังข์มาที่วังและได้พบกับพระสวามีต่างคนต่างรู้ความจริง  เรื่องก็จบลงด้วยความสุข                สมัยโบราณมะโย่งได้รับพระราชทานที่นาและบ้านเรือนและผู้แสดงทีมีรูปร่างสวยและร้องรำเก่งอาจได้รับแต่งตั้งเป็นสนม  แม้แต่ตลกหรือเสนาอาวุโสก็ได้รับเกียรติจากพระราชา  เช่นพระองค์ได้รับข่าวไม่ดีจากข้าราชบริพาร  ก็จะให้ตัวตลกหรือเสนาแสดงบทแทรกตามที่พระองค์บอก  เพื่อต้องการเตือนข้าราชการที่ไม่ดีโดยทางอ้อม
                ปัจจุบันการแสดงมะโย่งในจังหวัดภาคใต้  ออกจะหาดูได้ยาก  เพราะขาดผู้สืบทอดการแสดง  อีกประการหนึ่งไทยมุสลิมส่วนใหญ่หันมานิยมการแสดงหรือมหรสพสมัยใหม่  เช่น  ภาพยนตร์  ดนตรีลูกทุ่ง  ทำให้การแสดงมะโย่งค่อยเลือนหายไปตามลำดับ (ประพนธ์ เรืองณรงค์. 2519, 72-74)

 
PREVIOUS