การสร้างรูปหนัง
รูปหนังชวาหน้าไม่เหมือนคนเพราะเขาถือเรื่องที่เล่นเป็นของสูง เป็นเทวดา เช่นเรื่อง |
ที่มา : ใต้ หรอย มีลุย. 2547,55 |
2. รูปหนังใหญ่ของไทย รูปหนังใหญ่ของไทย เข้าใจว่าได้แบบอย่างจากอินเดีย แต่ความคิดและจินตนาการก็ |
ที่มา : สมุดภาพเรื่องหนังใหญ่หรือหนังไทยสมัยก่อน. 2526, 60 - 61 |
3.รูปหนังวายังเสียม (Wayang siam) วายังเสียม คือหนังไทย มีเล่นอยู่ทางจังหวัดชายแดนภาคใต้และตอนเหนือของ |
ที่มา : ชมรมหนังตะลุงจังหวัดสงขลา. 2532, 90 |
การสร้างรูปหนังของไทย จากการสืบค้น สืบถามได้ความว่าหนังของไทยมีมาแล้วแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตามที่ |
ที่มา : ชมรมหนังตะลุงจังหวัดสงขลา. 2532,92 |
รูปหนังจากรูปหนังใหญ่กลายเป็นหนังเล็ก หรือภายหลังเรียกว่าหนังตะลุง เท่าที่ปรากฏหลักฐานทางกรุงเทพฯ เรียกว่าหนังตะลุงในสมัยรัชกาลที่ 3 ก่อนนี้เรียกว่าหนัง คนทางภาคใต้เองก็เรียกว่าหนัง ไม่มีคำว่าตะลุง เมื่อมีคำว่าตะลุงเกิดขึ้น หนังเดิมที่คนบางกอกเคยเห็นเคยรู้จักก็ได้ชื่อว่าหนังใหญ่ คนทางปักษ์ใต้เมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้วเรียกหนังตะลุงว่า หนัง เช่นไปแลหนัง หนังไหร (อะไร) เล่น หนังเลิก ฯลฯ ภายหลังคนปักษ์ใต้รู้ว่าหนังที่ตนดูอยู่นั้นชาวบางกอกเรียกว่าหนังตะลุง จึงเรียกด้วยแต่ก็เรียกกันน้อย |
ที่มา : ชมรมหนังตะลุงจังหวัดสงขลา. 2532,93 |
ศิลปินผู้สร้างรูปหนัง 1.นายหนังเป็นช่างศิลป์เอง นายหนังมีเรื่องเป็นของตนเอง หรืออาจได้แนวความคิด ความรู้ ประสบการณ์สูงก็สามารถฉลักฉลุหรือแกะรูปหนังได้ตามที่ตนคิด รูปที่ออกมาจะสมใจนายหนังที่สุด 2. นายช่างแกะรูปหนังโดยเฉพาะ พวกนี้เป็นช่างเฉพาะเล่นหนังไม่เป็นแต่ดูเป็น รู้ใจ นายหนังมีอาชีพอยู่แล้ว งานแกะรูปหนังเป็นงานอดิเรก นายหนังจะไปหาซื้อรูปหรือสั่งทำโดยเฉพาะโดยบอกความประสงค์ให้ช่างทราบ บางครั้งก็สั่งสร้างรูปหนังตามเรื่องที่แสดง เช่นเมื่อประมาณ 45 ปีมาแล้ว นายหนังกั้น ทองหล่อไปเล่นเรื่องพระอภัยมณีที่ตลาดเสรี หน้าสถานีรถไฟยะยา ที่นั่นต้องเล่นทุกคนจึงต้องใช้เรื่องยาวเล่นกันเป็นเดือน นายหนังกั้นจึงสั่งช่างแกะรูปไปอยู่ด้วย 2 คน ขณะเล่นก็ให้อ่านเรื่องพระอภัยมณีไปพลางเล่นเป็นตอน ๆ นายช่างก็อ่านเช่นเดียวกัน ช่างรูปหนัง 2 คนก็สามารถแกะรูปออกมาทันตามความต้องการ ข้อสังเกตรูปหนังอดีตและปัจจุบัน |