พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส เป็นพิพิธภัณฑสถานตั้งอยู่ในบริเวณวัดมัชฌิมาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2477 - 2521 ได้ทำการบูรณะกุฎิเก่าใน พ.ศ.2482 และได้จัดตั้งห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ของวัดมัชฌิมาวาส ที่อาคารไม้หลังศาลาฤษีดัดตน ต่อมาในปี พ.ศ.2513 ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถให้มีสภาพเหมือนเดิม โดยมีพระราชศีลสังวร (ช่วง อตถเวที) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้เป็นแม่งานดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์มาโดยตลอดและแล้วเสร็จเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2514 โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์มาทรงยกช่อฟ้า เมื่อ วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2516 พ.ศ.2521 - 2524 พระราชศีลสังวร เป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส ท่านเป็นผู้ทีเก็บรวบรวมโบราณวัตถุศิลปวัตถุในอำเมือง อำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนต ไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานมัชฌิมาวาสขึ้น เพื่อจัดแสดงโบราณศิลปวัตถุที่เก็บรวบรวมไว้ ต่อมากรมศิลปากรได้ประกาศเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ( ประวัติความเป็นมา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส http://www.thailandmuseum.com/muchimavas/history.htm ) |
จิตรกรรมฝาผนังวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร http://www1.mod.go.th/heritage/nation/oldcity/songkhla9.htm |
จิตรกรรมฝาผนังวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง มีอยู่สองแห่งคือที่พระอุโบสถและที่ศาลาฤาษี งานจิตรกรรมฝาผนังที่พระอุโบสถ เป็นภาพเขียนสีฝุ่นบนผนังปูน เป็นงานฝีมือช่างหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นภาพพุทธประวัติ ทศชาติชาดก และเทพชุมนุม ถือว่าเป็นจิตรกรรมที่เด่นและสำคัญยิ่ง องค์ประกอบของภาพมีความงดงาม และบรรจุเรื่องราวไว้สมบูรณ์มาก ทั้งได้สะท้อนภาพของสังคม แสดงให้เห็นวัฒนธรรมการแต่งกาย การละเล่น ประเพณี ความเชื่อ ตลอดจนสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยนั้น ส่วนจิตรกรรมฝาผนังที่ศาลาฤาษี เป็นภาพเขียนสีฝุ่นบนผนังปูน เป็นภาพฤาษีดัดตน ภาพเครื่องยาไทย และโต๊ะหมู่บูชาของจีน |
จารึกภาษาจีนที่เสาประตูกำแพงแก้ว พระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร ที่มา : http://www1.mod.go.th/heritage/nation/oldcity/songkhla9.htm |
จารึกภาษาจีนที่เสาประตูกำแพงแก้ว พระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร เป็นจารึกที่สลักลงบนเสาหินแกรนิตที่ทำเป็นเสาประตูกำแพงแก้ว แต่ละเสามีขนาดด้านสูง ๑๗๕ เซนติเมตร กว้าง ๒๘ เซนติเมตร หนา ๖๓ เซนติเมตร มีสี่ประตู รวมแปดเสาแต่ละเสาจารึกด้วยอักษรจีนเป็นภาษาจีนเก้าคำ รวมแปดเสาเป็นคำโคลงหนึ่งบาท แปลเป็นภาษาไทยตามประตูตั้งแต่ประตูด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ถึงประตูด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ทวนเข็มนาฬิกาได้ดังนี้ เจ้าพระยาผู้เป็นใหญ่แห่งตระกูลวู (ตระกูล ณ สงขลา) หมั่นบำเพ็ญพระคุณธรรมมุ่งจรรโลงสิ่งที่คู่ควรแก่ความเป็นมนุษย์ด้วยศรัทธา เพื่อเกียรติคุณปรากฏสืบไปภาคหน้า (เจ้าพระยา) ปฏิบัติทางที่ชอบอย่างองอาจ วางตนในทางที่ชอบ ไม่มุสาผู้อื่น ดำริ (สิ่งใด) ไม่ต้องละอายต่อฟ้า ครองตนอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทาทางอย่างเคร่งครัด เมืองสงขลามีเชิงเทินเกินกว่าร้อยเชิงเทิน เป็นเมืองที่แข็งแรงมั่นคงเมืองหนึ่งแห่งภูมิภาคนี้ กำเหน็จของเจ้าเมืองสูงกว่าหมื่นเจื่อง (มาตราของจีน) เกียรติคุณกำจายทั่วทิศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมา ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ (วัด) นี้ พระบรมโพธิสมภารที่ทรงแผ่คือเมตตา การเสด็จมาประทับ ณ เมืองสงขลา พระมหากรุณาธิคุณที่แผ่กว้างประหนึ่งน้ำฟ้าประโลมดิน |
จารึกศาลาฤาษีดัดตน อยู่ที่วัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร อำเภอเมือง ฯ เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (บุญสังข์) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ระหว่างปี พ.ศ.๒๓๙๐ - ๒๔๐๘ เป็นผู้สร้างขึ้น ที่ฝาผนังด้านข้างมีจิตรกรรมเขียนตำราแพทย์แผนโบราณ และภาพฤาษีดัดตน รวม ๔๐ ท่า แต่ละท่ามีจารึกเป็นคำโคลงสี่สุภาพอธิบาย คำโคลงเหล่านี้เลือกคัดลอกมาจากเรื่องโคลงภาพฤาษีดัดตน ที่จารึกไว้บนผนังศาลารายในวัดพระเชตุพน ฯ กรุงเทพ ฯ
|
จิตรกรรมฝาผนังวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร งานจิตรกรรมฝาผนังที่พระอุโบสถ เป็นภาพเขียนสีฝุ่นบนผนังปูน เป็นงานฝีมือช่างหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |