วิธีการ
ในการบริโภคหรือเสพสิ่งต่างๆ (ยกเว้นยาเสพติด เช่น สุรา สิ่งมึนเมาต่างๆ) จะกระทำได้ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกไปจวบจนพระอาทิตย์ขึ้น คือกระทำได้ในตอนกลางคืน เพราฉะนั้นในฤดูกาลถือศีลอด มุสลิมจะลุกขึ้นทานอาหารเช้าก่อนที่แสงอรุณขึ้น (ส่วนใหญ่จะทานเวลาประมาณ ตี3 ตี4) จากนั้นต้องงดเว้นจนกว่าพระอาทิตย์จะตกจึงจะรับประทานได้ เมื่อาหารเป็นสิ่งต้องห้าม จึงมีปัญหาเกี่ยงกับเรื่องน้ำในตัวเราเอง คือน้ำลายว่าจะกลืนได้หรือไม่
น้ำลายเป็นสิ่งที่ออกมาอยู่ตลอดเวลาและยามปกติหากน้ำลายนั้นไม่มีสิ่งแปลกปลอม เช่นเสมหะ เราก็จะกลืนมันเข้าไปอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้สึกตัว ฉะนั้นในยามที่ถือศีลอด จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่มุสลิมจะต้องบ้วนน้ำลายออกมาอยู่ตลอดเวลา หากเรารักษาความสะอาดของปากดีแล้ว คือการแปรงฟันหลังอาหาร และในการอาบ
น้ำละหมาด ก็จะต้องบ้วนปากถึง 3 ครั้ง
การที่มุสลิมบางคนได้ปฏิบัติในลักษณะต้องบ้วนน้ำลายอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ถือศีลอด คนที่มีการอบรมดีอาจจะมีภาชนะติดตัว แต่บางคนก็บ้วนไม่เลือกที่พอพ้นปาก สร้างความสกปรกให้ที่ต่างๆ
การปฏิบัติเช่นนี้หาได้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอิสลามไม่ เพราะบัญญัติต่างๆที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้มา มิได้จะสร้างความยากลำบากหรือผิดวิสัยธรรมชาติ และแท้จริงอิสลามเป็นระบอบที่ส่งเสริมความสะอาดเป็นอย่างมาก เช่น ศาสดามูฮัมมัดได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
“การรักษาความสะอาดเป็นส่วนหนนึ่งของความศรัทธา”
ในด้านจิตใจ ในขณะที่ถือศีลอด มุสลิมจะต้องควบคุมอารมณ์ต่างๆให้ได้ หากมีคนมายั่วให้เกิดอารมณ์ต่างๆต้องระงับให้ได้ รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ตัณหา เป็นต้น จะต้องระงับให้ได้ทั้งสิ้น อวัยวะต่างๆต้องควบคุมให้ได้เช่นกัน เท้าต้องไม่เดินไปในที่ที่ไม่ดี เช่น สถานเริงรมย์ต่างๆ มือไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี หูตาไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดีงาม ลิ้นต้องไม่กล่าวร้าย ดุด่า นินทา เพ้อเจ้อ
หากมุสลิมคนใด ถือศีลอดโดยการอดอาหารทั้งวัน แต่ในด้านอารมณืมิได้ระงับ ยังพูดเพ้อเจ้อ ฟังเขานินทาว่าร้าย ดุด่าลูกเมื่อไม่วบอารมณ์ เป็นต้น เขาผู้นั้นจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนจากพระผู้เป็นเจ้านอกจากความหิวโหย ดังวจนะของท่านศาสดามูฮัมมัด ที่ว่า
“ผู้ใดที่การถือศีลอดของเขายังไม่สามารถยับยั้งเขาจากการนินทา การใส่ร้ายผู้อื่นจากลิ้นของเขา เขาจะไม่ได้รับผลอันใดจากการถือศีลอด นอกจากความหิวเท่านั้น”
“การถือศีลอดนั้นเป็นดล่ห์ป้องกันความชั่ว ฉะนั้นผู้ถือศีลอด จึงต้องไม่พูดนินทา หยาบคาย ไร้สาระ และหากมีผู้ใดมาชวนทะเลาะ จงกล่าวแก่เขาว่า ฉันกำลังถือศีลอด ฉันกำลังถือศีลอด ฉันกำลังถือศีลอด” (เสาวนีย์ รุจิระอัมพร-จิตต์หมวด. 2522, 111-112)