เครื่องเบญจกกุธภัณฑ์  

 

เครื่องเบญจกกุธภัณฑ์ หรือเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์
เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระราชาธิบดี หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย
์ เมื่อประมวลได้ 5 ชนิด ก็เรียกว่า เบญจราชกกุธภัณฑ์
ตามหลักฐานที่ประมวลได้ นับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมา
พบว่า เครื่องใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ที่ประมวลไว้
เป็นเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ มีดังนี้

 

 

พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เป็นฉัตรขั้นสูงสุด มีรูปทรงชะลูด
หุ้มด้วยผ้าขาวแต่ละชั้นมีระบาย
ขลิบทองแผ่ลวดซ้อน 3 ชั้น มียอดชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง
ในสมัยโบราณถือว่าเป็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุด
ที่ต้องน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายใน
พระราชพิธี บรมราชาภิเษก

ที่มา : http://www.odi.stou.ac.th/benjagagupan/main.htm  
พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับ
ประดับพระเศียร สร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อทรงใช้ในพระราชพิธีสำคัญ
ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร ยอดพระมหามงกุฎเป็น
ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ แต่ยังไม่มีพระจอน ต่อมาพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง
พระจอนและประดับเพชรแทนยอดพุ่มข้าวบิณฑ์ พระราชทาน
ชื่อเพชรว่า "พระมหาวิเชียรมณี" ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระมหาพิชัยมงกุฎจาก
พราหมณ์มาทรงสวม ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าทรงรับพระราชภาระหนักในการ
ปกครองแผ่นดินและราษฎร
พระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นสัญลักษณ์แสดงการได้พระราช
อำนาจอาญาสิทธิ์ในการปกครอง  แผ่นดินและ จะทรง
ขจัดศัตรูให้สิ้นด้วยพระบรมเดชานุภาพ สร้างขึ้นในสมัย
ที่ขอมมีอำนาจปกครองดินแดน เมื่อพระบาทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรางปราบดภิเษกแล้ว 
ชาวประมงเมืองเสียมราฐได้ทอดแหพบพระขรรค์องค์น
ี้และนำมามอบแก่กรมการเมืองเสียมราฐ ซึ่งขณะนั้นยัง
เป็นเมืองขึ้นของไทย ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
(แบน อภัยวงศ์) ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองและ
เสียมราฐในขณะนั้น จึงทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชันที่เชิญพระแสงขรรค
์เข้าใกล้เขตพระราชฐานเกิดพายุฝนผ่าที่ประตูวิเศษไชยศรี และพิมานไชยศรีซึ่งเป็นเส้นทางที่อัญเชิญพระขรรค์ผ่าน
เข้าเขตพระราชฐานอีกด้วย โปรดเกล้าฯ ให้ทำด้ามด้วย
ทองคำลงยาราชาวดีลายเทพพนม และฝักหุ้มทองคำ
ลงยาราชาวดี พระมหากษัตริย์ทุกรัชกาลทรงใช้เป็น
พระแสงราชศาสตราในพระราชพิธีสำคัญ

 

ธารพระกรไม้ชัยพฤกษ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างใหม่ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์หุ้มทองลักษณะคล้าย
พระแสงดาบยอดทำเป็นรูปเทวดา ชักยอดออกแล้วจะกลายเป็น
พระแสงเสน่าหรือมีดสำหรับขว้างารพระกรนี้เป็นเครื่องหมายแห่ง
การปกครองที่เปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณอันสุขก่อให้เกิดความ
มั่นคงแก่แผ่นดิน

 

พัดวาลวิชนีและพระแส้หางจามรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างขึ้น พัดทำด้วยใบตาลปิดทองทั้งสองด้าน ด้ามและ
เครื่องประกอบทำด้วยทองคำลงยา่วนพระแส้ขนจามรีทำด้วย
ขนจามรีซึ่งเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง
ที่มีอยู่ในธิเบต้ามเป็นแก้วัดวาลวิชนีและพระแส้ขนจามรีเปรียบ
เสมือนพระเมตตาบารมีปกเกล้าฯ พสกนิกรได้พระบรมโพธิสมภารให้ร่มเย็น

 

ฉลองพระบาทเชิงงอน เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทำด้วยทองคำลงยาราชาวดีฝังเพชร
ใช้สวมเฉพาะในงานพระราชพิธีที่ต้องประทับเท่านั้นองพระบาทเชิงงอนเป็นเครื่องหมาย
แสดงว่าจะทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่แผ่นดินทุกอาณาเขตที่เสด็จพระราชดำเนินไป
เครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ แต่ด้วยลักษณะ งดงามและฝีมืออันปราณีตของช่างหลวงในสมัยโบราณ จึงนับได้ว่า เครื่องราชกกุธภัณฑ์แสดง ถึงภูมิปัญญาที่ช่างโบราณถ่ายทอดออกมาอย่างวิจิตร และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ สืบทอดมาถึงปัจจุบัน

PREVIOUS ภาพเครื่องเบญจกกุธภัณฑ์ ที่มา : การจัดพระราชพิธีเฉลิมฉลองวันฉัตรมงคลในอดีต http://www.banfun.com/culture/chut2.html