กริชในภาคใต้ตอนล่าง
                วัฒนธรรมชวา-มลายู  ในยุคที่อินเดียเข้ามามีอำนาจในระหว่างพุทธศตวรรษที่  5-13  ทำให้วิถีชีวิต
ของประชาชนบริเวณคาบสมุทรและหมู่เกาะต่าง ๆ  ถูกหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมฮินดูโดยมีชนชั้นสูง
จากเกาะอื่นๆที ่มีอำนาจเหนือกว่าเป็นผู้ควบคุมให้เอาอย่างดยเฉพาะการขยายอำนาจของเจ้าผู้ครองนครมัชปาหิต
ของชวามายังดินแดนคาบสมุทรตอนใต้ได้แก่  ปาหัง  หุชุง  ตะนะ  (HUJUNG TANA : ยะโฮร์)
  เลงกาสุกะ  (LENGKASUKA)  สาย  (SAI : สายบุรี)  กะลันตัน  (KALANTEN)  ตรังกานู  (TRINGGANO)  เป็นต้น
               
                การที่มัชปาหิตเคยเข้ามาปกครองปัตตานีโดยตรง  ทำให้ปัตตานีรับศิลปะแบบชวามาใช้หลายอย่าง  เช่น
  วายัง  (หนังตะลุงชวา)  และดาบสองคม  คือ  กริช  (Keris)  ก็เชื่อว่าเป็นอิทธิพลจากมัชปาหิตที่เข้ามามีบทบาท
ต่อปัตตานีเช่นกัน  (Bougas.  1994 : 10)
                ในระยะแรกปัตตานีรับเอาวัฒนธรรมการใช้กริชมาจากชวาโดยตรง  คือทั้งรูปแบบและการใช้  ภายหลังจึงค่อย ๆ  ปรับเปลี่ยนจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น  โดยสกุลช่างท้องถิ่นที่เรียกว่ากริชปาแนซาฆะห์  [ภาพที่  107]  หรือกริชตายง
  (กริชปัตตานี)  ทำให้มองเห็นร่องรอยของวัฒนธรรมชวาและมลายู  อยู่มากมายในตัวกริช  ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย 
รูปแบบ  และกรรมวิธีผลิต
                ในสงขลาก็เช่นเดียวกันกับปัตตานีกล่าวคือดาโต๊ะโมกอล  (ราชวงศ์โมกุล)  เป็นชาวอาหรับอยู่ในเปอร์เซีย 
ถูกชาวตะวันตกรุกราน  จึงอพยพไพร่พลหาที่ตั้งเมืองใหม่  เมื่อเดินเรือมาถึงหัวเขาแดง  เห็นเป็นทำเลที่เหมาะสม
จึงได้ตั้งเมืองขึ้นที่บริเวณนั้น  เมื่อมีความเข้มแข็งขึ้น  ก็สามารถปกครองคนพื้นเมืองดั้งเดิมได้  การเข้ามาปกครอง
บริเวณหัวเขาแดงของดาโต๊ะโมกอลนั้น  ได้นำเอาวัฒนธรรมที่ตนชื่นชอบเข้ามาด้วย  โดยเฉพาะการเหน็บกริช
เมื่อจะเดินทางไปไหนมาไหน จึงเป็นอิทธิพลทำให้ค่านิยมในการใช้กริชแพร่ไปสู่ชนพื้นเมืองด้วย
                สงขลาได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญในอดีตและเป็นเมืองท่าค้าขายที่เป็นคู่แข่งกับปัตตานีด้วย 
โดยเฉพาะการที่เจ้าเมืองสงขลาไม่เก็บภาษีผ่านด่าน  จึงทำให้การค้าเจริญรุ่งเรืองมาก  ทำให้ปัตตานีไม่พอใจ
ถึงกับยกมาตีเมืองสงขลาก็มี  ดังนั้นการเข้ามาค้าขายของนานาประเทศก็ได้นำเอาวัฒนธรรมต่าง ๆ  เข้ามา
มีอิทธิพลต่อประชาชนในเมืองสงขลาด้วย
                กริชในรูปแบบสงขลาก็เช่นกันกับกริชปัตตานี  จะเห็นร่องรอยของวัฒนธรรมชวา  และมลายูอยู่มากมาย 
ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย  รูปแบบและกรรมวิธีผลิต 

          รูปแบบของกริชในภาคใต้ตอนล่าง
                ค่านิยมของการใช้กริชของผู้คนในภาคใต้ตอนล่างที่มีความหลากหลายชาติพันธุ์  (ไทย  จีน  มลายู)
  ซึ่งมีผลมาจากการเมืองและการค้า  แต่มีปัจจัยหลักของการดำรงชีวิตเกือบเป็นอย่างเดียวกัน  ดังกล่าวข้างต้น
  จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมร่วมขึ้น  โดยเฉพาะค่านิยมในการใช้กริช  จากการออกสำรวจภาคสนามสามารถแบ่งรูปแบบของกริชในภาคใต้ตอนล่างซึ่งเป็นที่นิยมของชาวไทยเชื้อสายจีน
  ชาวไทยพุทธ  และชาวไทยมุสลิม  ออกเป็น  2  กลุ่มใหญ่  คือ  สกุลช่างปัตตานี  และสกุลช่างสงขลา-นครศรีธรรมราช 
(สัมภาษณ์  นายเรือง  ศรีอินทร์ : 2541)
                กริชสกุลช่างปัตตานีมีเอกลักษณ์เฉพาะ  สามารถดูได้จากรูปแบบของตากริชส่วนของด้ามและฝัก
                ตากริชสกุลช่างปัตตานี
                ตากริชของช่างปัตตานีเรียกชื่อเป็นภาษามลายูท้องถิ่นว่าตากริชแบบปาแนซาฆะห์    ลักษณะพิเศษคือ 
ตากริชจะเรียบ  มีสันตรงกลางคล้ายอกไก่ทั้ง  2  ข้าง  มองภาพตัดจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มี  2  แบบ  คือ
แบบตาตรง  และแบบตาคต  (สัมภาษณ์  นายเจะอุมา  หะมิงมะ : ซึ่งมีทั้งชนิดที่มีลายในเนื้อเหล็กและไม่มีลาย

                กริชสกุลช่างปัตตานี

 

                                 กริชปัตตานีแบบ  หัวนกพังกะ          ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,82                                                                                 

  กริชสกุลช่างสงขลา-นครศรีธรรมราช
                กริชสกุลช่างสงขลา-นครศรีธรรมราช  สามารถดูได้จากรูปแบบของด้ามและฝัก
กริชสกุลช่างสงขลา-นครศรีธรรมราช ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,91   

                     

  กริชกลุ่มนี้ด้ามและฝึกคล้ายกริชตะยงของกลุ่มปัตตานี  เพราะมีตันกำเนิดที่เดียวกันแต่แบบสงขลา-นครศรีธรรมราชฝักและด้ามมีขนาดเล็กและบางเพรียวกะทัดรัดกว่า
กริชตะยงของปัตตานี  ด้ามกริชแบบสงขลาดูคล้ายรูปวายังหรือตัวหนังชวา  บ้างก็ว่าดูคล้ายหน้าพราน 
ซึ่งเป็นตัวตลก ของโนรา  มีจมูกยาวและเรียวแหลม  ไม่มีเคราใต้คาง  รูปทรงด้ามกริชจะแบนแฟบจะแกะสลักลวดลายแบบตื้น ๆ  วัสดุที่ทำด้ามกริชมีทั้งที่ทำจากไม้แก้วดีปลี  เขาควาย  งาช้าง  และเงินบุขึ้นรูป  ฝักกริชแบบกลุ่มสงขลา  ตัวฝักและปีกฝักจะบางเพรียว  ขนาดเล็กและสั้นกว่ากลุ่มปัตตานีฝักจะเรียวแหลมเป็นรูปกรวย  ปีกฝักมีความโค้งมากจนดูคล้ายเขาควาย  ปลายปีกฝึกบางเล่มจะทำให้ม้วนตัวคล้ายเลขหนึ่ง  (๑)  แบบไทยหรือคล้ายยอดผักกูด  นิยมสวมรัดฝักกริชด้วยปลอกเงิน
เป็นเปลาะ ๆ           

       เปรียบเทียบรายละเอียดของด้ามกริชหัวนกพัง
        ระหว่างแบบปัตตานีกับแบบสงขลา-นครศรีธรรมราช

         ด้ามกริชหัวนกพังกะแบบปัตตานี  (แบบตัวผู้)

ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,92

   การพัฒนารูปแบบและเทคนิควิธีผลิตของกริชทั้ง  2  กลุ่มถือเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรับใช้สังคมตามเจตนารมณ์จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ทางด้านศิลปกรรม

                                      

<<< PREVIOUS      NEXT >>>