เครื่องดนตรี
          เครื่องดนตรีของกาหลอคณะหนึ่งมีเพียง  ๓ อย่าง  รวมกันแล้วมีทั้งหมด ๖ ชิ้นคือ
                                ปี่ฮ้อหรือปี่ห้อ                     ๑   เล่า
                                กลองทน  (กลองโทน)      ๒   ใบ
                                ไม้ตีกลองทน                     ๑    อัน
                                ฆ้อง                                   ๒   ใบ

ที่มา : ใต้...หรอย มีลุย. 2547,67
๑. ปี่ฮ้อ  ในตำนานกาหลอเรียกปี่ชนิดนี้ว่าปี่สวรรค์  ผู้ประดิษฐ์คือพระอินทร์ประดิษฐ์ขึ้นจากไม้อ้อยช้าง  ได้ประดิษฐ์ขึ้นในคราวแห่เศียรมหาพรหม  และพระอินทร์เป็นผู้บรรเลงเป็นครั้งแรก       
ปี่ฮ้อมีขนาดสั้นกว่าปี่ไฉนและปี่ชวา  มีส่วนประกอบ  4   ส่วนคือ
๑.๑  ฮ้อปี่  คือส่วนที่เป็นปากปี่  มีลักษณะคล้ายลำโพงทำด้วยไม้อ้อยช้าง  ส่วนนี้จะมีด้ายสี่ขาวพันรอบหลาย ๆ  ชั้น  เรียกว่า  “ด้ายราด”  เมื่อไปนำศพครั้งหนึ่งจะต้องนำมาพันหุ้มเสียครั้งหนึ่ง  เมื่อเห็นว่ามากพอสมควรก็ปลดออกเสียทีหนึ่ง  แล้วค่อยพันใหม่อีกเมื่อนำศพใหม่

๑.๒  คันปี่  คือส่วนที่ถัดจากฮ้อปี่  ส่วนนี้ค่อยเรียวเล็กลงไปยังบังลม  ทำด้วยไม้อ้อยช้างหรือไม้หลุมพอ  หรือไม้ประดู่ก็ได้ ที่คันปี่จะมีปลอกเงินคาดเป็นระยะ ๆ  และมีรูสำหรับปิดเปิดเพื่อเปลี่ยนเสียง  ๘  รู  อยู่ด้านบน  ๗  รู  และด้านล่างอีก  ๑  รู  รูกลางด้านบนชื่อว่า  “รูทองศรี”
๑.๓  บังลม  คือส่วนที่ถัดจากคันปี่  บังลมทำด้วยไม้หรือหอยมุกก็ได้  มีลักษณะกลมและโค้ง  เพื่อให้กระชับต่อการจับถือขณะเป่าและเข้ากับรูปของปากที่โป่งออกมา
๑.๔  ลิ้นปี่  คือส่วนที่ถัดจากบังลมเป็นส่วนเล็กที่สุด  ประกอบด้วยไม้ซึ่งเจาะรูตลอด  มีเดือยที่ใช้เสียบกับส่วนของคันปี่ที่ยื่นออกมาจากบังลม  และใบตาลซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงก็จะเสียบติดอยู่กับไม้เล็ก ๆ ชิ้นนี้อีกทีหนึ่ง  เมื่อจะเปลี่ยนลิ้นใบตาลจะต้องดึงไม้ส่วนนี้ออกมาจากคันปี่  และจะต้องมีเชือกผูกไม้ชิ้นนี้ติดไว้กับคันปี่  เพื่อป้องกันการหลุดหายไว้ด้วย
                นอกจากส่วนประกอบของปี่ทั้งสี่ส่วนแล้ว  ยังมีสายสร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ ผูกติดที่บังลม  คงจะต้องการให้สวยงามนั่นเอง  แต่เดิมจะใช้ลูกปัดโบราณทั้งสิ้น
                ปี่ฮ้อมีหลายเสียง  เสียงเล็กแหลมเรียกว่า  “เสียงยิ่ว”  เสียงกลางเรียก  “เสียงด้วง”  หรือ  “เสียงจี้”  ส่วนเสียงใหญ่ทุ้มเรียก  “เสียงใหญ่”

ที่มา : ใต้...หรอย มีลุย. 2547,67

๒. กลองทนหรือกลองโทน  ในตำนานกาหลอเรียกว่ากลองสวรรค์  ผู้ประดิษฐ์คือพระรัตนตรัย  ประดิษฐ์ขึ้นคราวแห่เศียรมหาพรหม  พระยายมเป็นผู้ประโคมเป็นครั้งแรก
กลองทนเป็นกลอง  ๒  หน้า  หน้ากลองด้านโตมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๘-๙ นิ้ว  หน้า
กลองด้านเล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลาง  ๗-๘  นิ้ว  ตัวกลองมักทำด้วยไม้ที่มีน้ำหนักเบาหน้าโตของกลองหุ้มด้วยหนังวัว  ส่วนหน้าเล็กหุ้มด้วยหนังค่าง  มีเชือกหวายร้อยโยงเพื่อให้หน้ากลองตึงอย่างหยาบ ๆ  กลองทนใบโตซึ่งมักจะมีเสียงทุ้ม  เรียกว่า  “แม่ทน”  ส่วนใบเล็กซึ่งเล็กกว่าใบโตเพียงเล็กน้อยเรียกว่า  “ลูกทน”
๓.ไม้ตีกลองทน แต่เดิมนั้นตีกลองทนด้วยมือเปล่า เพิ่มมีไม้ตีในระยะหลังนี้เอง เชื่อกัน
ว่าพระธรรมเป็นผู้ทำไม้ตีด้วยไม้กรูดผีให้เป็นครั้งแรก  แต่มาในระยะหลังไม้ตีส่วนใหญ่ทำจากเขาควายเพราะสวยงามกว่า  และมักทำเป็นรูปตัววี  V  โดยใช้ส่วนโค้งของตัววีเป็นส่วนตี
๔. ฆ้อง  ในตำนานกาหลอเรียกว่าฆ้องสวรรค์  พระพุทธกัสสปเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นใช้คราวแห่เศียรมหาพรหม  พระภูมิเป็นผู้บรรเลงในคราวนั้นเป็นครั้งแรก  แต่เดิมกาหลอใช้ฆ้องบรรเลง  ๒  ใบ  ใบหนึ่งเป็นของคณะกาหลอ  อีกใบหนึ่งเจ้าของบ้านที่ให้กาหลอไปบรรเลงเป็นผู้จัดหา  แต่เดิมฆ้องของกาหลอแต่ละใบมีขนาดโตมาก  เมื่อไปบรรเลงที่ใดจะต้องใช้คนหาม  ปัจจุบันนี้ใช้เพียงใบเดียว  และเป็นฆ้องขนาดเล็ก

 

ที่มา : ใต้...หรอย มีลุย. 2547,67
PREVIOUS