๑. ความเชื่อที่เกี่ยวกับปี่ของกาหลอ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้จำแนกได้ดังนี้
๑.๑ เชื่อว่ามีครูหมอปี่ ความเชื่อเรื่องนี้ “แรง” มาก ที่บ้านของหัวหน้าวงกาหลอทุกคน
จะต้องมีหิ้งไว้เหนือหัวนอนสำหรับตั้งปี่พักอาศัย ถ้าไม่ปฏิบัติจะถูกครูหมอ “ทำ” ให้มีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา
๑.๒ การตั้งปี่บนหิ้ง จะต้องถอดคันปี่แยงลงในฮ้อปี่ซึ่งคว่ำปากอยู่ ถ้าไม่ทำเช่นนี้ครูหมอป
ี่จะทำให้ผู้เล่นต้องปวดศีรษะ หรือลูกเมีย ญาติพี่น้องซึ่งพักอยู่ด้วยกันจะต้องมีอันเป็นไป เช่า ป่วย เจ็บ
หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ
๑.๓ ทุกครั้งที่นำปี่ขึ้นตั้งบนหิ้งหรือหยิบลงไปนำศพจะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตคือใช้หมาก ๓ คำ
เทียน ๑ เล่ม ขึ้นตั้งทำพิธีบูชาครู
๑.๔ เชื่อว่าครูหมอปี่จะเป่าปี่อยู่เสมอ ถ้าเมื่อใดที่ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงได้ยินเสียงปี่ (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเป่า) ก็เป็นที่เชื่อแน่ว่าจะต้องมีคนตายและกาหลอจะต้องไปนำศพในที่ใดที่หนึ่งภายในไม่ช้า
๑.๕ เมื่อนำปี่ขึ้นตั้งบนหิ้งแล้ว จะนำมาปี่ลงมาเป่าเล่นโดยไม่มีพิธีรีตองหรือเป่าเล่นสนุก ๆ ไม่ได้
ถ้าจะนำลงมาเป่าหรือลองเป่า จะต้องเป็นการตระเตรียมตัวเพื่อที่จะใช้เป่าในงานซึ่งกำลังจะไปประโคมเท่านั้น
๑.๖ เมื่อนำปี่ลงจากหิ้ง ผู้ชายเท่านั้นที่จะได้รับการอนุญาตให้จับต้องปี่ได้ ส่วนผู้หญิงห้ามจับต้องป
ี่อย่างเด็ดขาด ถ้าจับต้องจะมีอาการเสียดท้อง ปวดศีรษะ ชักหรือป่วยไข้
๑.๗ เมื่อครูหมอปี่กระทำแก่ผู้ใด ผู้เป่าปี่จะต้องทำพิธีขอขมาลาโทษ คือจะต้องกล่าวถ้อยคำว่า
“พรรคพวกสภากหลอครูหมอปี่ อย่าถูกต้องทับทอเด็ด
ขอให้หบหาย ผิดพลั้งหลังหน้าขอขมาลาโทษ”
๑.๘ เชื่อกันว่าหากเจ้าบ้านเจ้าเรือนไม่อยู่ ครูหมอปี่จะเฝ้าบ้านได้ คือ ชาวบ้านอื่น ๆ จะเห็น
เหมือนกับว่ามีคนอยู่ที่บ้าน เช่น เห็นเป็นคนเฒ่าคนแก่ชายหญิงนั่งยนหมากและมีควันไฟที่บ้านเหมือนกับ
กำลังหุงข้าว ถ้าใครขึ้นมานั่งพักหรือนอนบนเรือนโดยไม่บอกกล่าว มักจะให้โทษเช่นทำให้ปวดหัว ปวดท้อง
หรือดึงเท้า เหยียบอก เป็นต้น
๑.๙ ผู้เป่าปี่กาหลอจะต้องปฏิบัติตัวตามธรรมเนียมนิยมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาให้ถูกต้อง คือ
- ไม่พูดเท็จ
- ไม่ประพฤติผิดลูกเมียของผู้อื่น
- ถ้านั่งเรือลอดใต้สะพาน จะต้องใช้มือกุมหัว
- ห้ามเข้าใต้ถุนบ้านซึ่งมีเสาเรือนเพียง ๔ เสา และใต้ถุนบ้านซึ่งมีคนเกิดใหม่ ๆ อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้คาถาเสื่อมหาย
- นั่งร่วมเสื่อกับผู้หญิงไม่ได้
- อาหารที่มีผู้รับประทานแล้ว จะรับประทานไม่ได้ แต่รับประทานอาหารที่พระฉัน
แล้วได้ สำหรับอาหารที่บ้าน ลูกเมียจะต้องตักแยกเก็บไว้ก่อนเสมอ
- เมื่อกาหลอไปประโคม ณ ที่ใด และคนเป่าปี่จะรับประทานสิ่งหนึ่งสิ่งใดระหว่าง
เป่าปี่ จะต้องนำปี่ทับลงบนปากถ้วยให้ครูหมอปี่กินเสียก่อน ถ้าไม่ถือปฏิบัติจะ มีโทษรุนแรง
- สิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่รองตั้งปี่ เช่น เสื่อ หมอน ผ้าขาว ผู้หญิงจะจับต้องไม่ได้อย่างเด็ดขาด
- ก่อนเป่าปี่จะต้องเซ่นครูหมอปี่ทุกครั้ง
๒. ความเชื่อที่เกี่ยวกับกลองทน (กลองโทน) ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับกลองทนไม่มากเหมือนกับปี่
แต่ก็จะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน คือ
๒.๑ นำกลองทนลอดราวผ้า ลอดใต้ถุนบ้าน หรือปล่อยให้ผู้อื่นข้ามไม่ได้ถ้าไม่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
จะมีโทษ หรือความวิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้นแก่ผู้เล่น
๒.๒ เมื่อรับประทานอาหารจะต้องเซ่นให้กลองกินเช่นเดียวกับครูหมอปี่เสียก่อนทุกครั้ง
๒.๓ คนทั่วไปจับต้องกลองทนได้ แต่จะนำไปตีเล่นสนุก ๆ ไม่ได้
๒.๔ ผู้ตีกลองทนจะต้องปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับคนเป่าปี่กาหลอ
๓. ความเชื่อที่เกี่ยวกับฆ้อง ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับฆ้องที่ใช้ประโคมของกาหลอมีข้อปฏิบัติไม่มากมายนัก
ส่วนใหญ่แล้วมีความเชื่อเหมือนกลองทน คือ
๓.๑ นำลอดราวผ้า ลอดใต้ถุนเรือน หรือปล่อยให้ผู้อื่นข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด
๓.๒ เมื่อเก็บฆ้องจะต้องแขวนไว้ในระดับเดียวกับกลองทน แต่ต้องอยู่ในระดับต่ำกว่าปี่
๓.๓ เมื่อรับประทานอาหารจะต้องเซ่นให้ฆ้องเช่นเดียวกับกลองทนและปี่
๓.๔ ผู้ตีฆ้องจะต้องปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับคนเป่าปี่กาหลอ
๔. ความเชื่อที่เกี่ยวกับความประพฤติของภรรยาผู้เล่นกาหลอ โดยเฉพาะผู้เป่าปี่กาหลอมีความเชื่อบางประการที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติและปฏิบัติตัวของภรรยา ดังนี้
ระหว่างที่กาหลอไปประโคมที่ใด ๆ ถ้าหากภรรยาซึ่งอยู่ที่บ้านประพฤตินอกใจสามีจะทำให้เกิดเหตุร้าย
บางประการ คือ
- ผู้เล่นกาหลอ จะประสบอุบัติเหตุ หรือป่วยไข้
- จะเกิดเหตุร้ายแก่ภรรยาผู้ประพฤตินอกใจ
- ครูหมอกาหลอจะทำให้ผุ้เป่าปี่ตัวสั่น วิ่งอย่างขาดสติ และจะบอกว่าภรรยาอยู่ทาง
บ้านประพฤตินอกใจ
๕. ความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ และเสนียดจัญไรต่าง ๆ กาหลอมีความเชื่อเรื่องนี้สูงมาก จะเห็นได้จาก
การบริกรรมคาถากันเรือน กันตัว กันโรงพิธี และการเป่าปี่เป็นคาถาป้องกันภูตผีปีศาจ และภยันตรายทั้งปวง
เพลงต่าง ๆ ซึ่งเป็นคาถาป้องกัน เช่น เพลงไม้พัน เพลงเหยี่ยวเล่นลม เพลงสุริยน และเพลงสัมสาม เป็นต้น
๖. ความเชื่อเรื่องเพลงแม่บท ๑๒ เพลง เชื่อว่าเพลงแม่บททั้ง ๑๒ เพลง เป็นเพลงขลังและศักดิ์สิทธิ์
กว่าเพลงประกอบอื่น ๆ ทั้งนี้เพราะเพลงทั้ง ๑๒ เพลงมีส่วนช่วยนำดวงวิญญาณของผู้ตายให้ไปสู่สุคติ
๗. ความเชื่อเกี่ยวกับการประโคมดนตรีกาหลอ การประโคมดนตรีกาหลอจะประโคมเล่นเพื่อความ
สนุกสนาน ขาดพิธีรีตองไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการเรียกร้องให้มีผู้ตายขึ้นไปบ้านนั่นเอง และจะไม่มีผู้ใดยินยอม
ให้กาหลอบรรเลงในบริเวณบ้านอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าจะนำผีและความชั่วร้ายเข้ามาในบ้าน การประโคม
ดนตรีกาหลอทุกครั้งจึงต้องประโคมในงานศพเท่านั้น
๘. ความเชื่อเกี่ยวกับการฝึกหัดเป่าปี่กาหลอ การฝึกหัดเป่าปี่กาหลอมีความเชื่อว่าผู้ฝึกหัดจะต้อง
มาแสดงความประสงค์ด้วยตัวเองว่าจะฝึกหัดเมื่อกาหลอ
รับเข้าเป็นลูกศิษย์แล้วจะต้องติดตามผู้เล่นกาหลอไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งกาหลอไปประโคมทุกครั้ง เมื่ออยู่ที่บ้าน
ผู้เป่าปี่จะนำผู้มาฝึกหัดเป่ากันที่ขนำกลางทุ่งนา ไม่เช่นนั้นความอัปมงคลจะมาสู่บ้าน การฝึกหัดจะต้อง
ฝึกฝนกันจริง ๆ และจะต้องยอมอดทนประพฤติปฏิบัติตัวตามธรรมเนียมนิยมของกาหลอทุกประการ
บางคนอาจจะฝึกหัดอยู่ถึง ๒-๓ สุมนา (๑๔) จึงเป่าปี่กาหลอได้ก็มี
๙. ความเชื่อเกี่ยวกับการไหว้ครูกาหลอ กาหลอเป็นการประโคมที่นับได้ว่ามีครู “แรง”
ไม่แพ้ครูหนังตะลุงหรือครูโนรา ผู้ที่เป็นกาหลอจึงต้องทำพิธีไหว้ครูกาหลอทุก ๆ ปี การไหว้ครูจะกระทำกัน
ในวันข้างขึ้นเดือนสิบเอ็ด จะเป็นขึ้นกี่ค่ำก็ได้ แต่ต้องตรงกับวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันครูเท่านั้น
การไหว้ครูกาหลออาจจะเชิญหมอไสยศาสตร์ และเชิญครูกาหลอที่ยังมีชีวิตมาร่วมพิธีด้วย จะต้องสร้างโรงพิธี
หรืออาจจะทำพิธีบนบ้านก็ได้แล้วแต่จะสะดวก ข้าวของที่จะต้องเตรียมในพิธีไหว้ครูไว้ให้พร้อมมีดังนี้
- เหล้า ๑ ขวด
- หมรับ (๑๕) 3 หมรับ ใส่ขนมพอง ขนมลา และขนมบ้า
- มะพร้าวอ่อน ๑ ลูก
- ที่ ๑๒ (อาหารหวานคาว ๑๒ สิ่งไม่ซ้ำกัน) ๑ ที่
- ผ้าขาวขึงเพดานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้าง ยาว ๒ ฟุต
- ผ้าขาวปูที่ครู ๑ ผืน
- หมากใส่ในผ้าขาวขึงเพดาน ๙ คำ และใส่พานตั้งที่ครู ๙ คำ
- เทียน ๓ เล่ม ปักที่ครู ๑ เล่ม ที่ปากปี่ ๑ เล่ม และที่ราด ๑ เล่ม
- ผ้าคู่หญิงคู่ชาย (ผ้านุ่งผู้ชาย และผ้านุ่งผู้หญิง) อย่างละ ๑ ผืน
- ไก่ต้ม ๑ ตัว
การทำพิธีไว้ครูจะเริ่มทำในเวลาตอนเช้า หลังจากจัดเครื่องประกอบพิธีต่าง ๆ พร้อมเสร็จแล้ว
ผู้ประกอบพิธีจะเริ่มพิธีและกระทำพิธีไปตามลำดับดังนี้
- ตั้งนโม ๓ จบ
- กล่าวบทชุมนุมเทวดา คือ บทสัคเค
- กล่าวบทสรรเสริญคุณ คือ บทสัดีน้อย สัดดีใหญ่
- เป่าปี่กาหลอ
- กล่าวบทอัญเชิญครูกาหลอ โดยกล่าวชื่อครูทุกคน
- ถวายข้าวและเครื่องเซ่นแก่ครู
- ครูหมอจะจับลง (๑๖) การจับลงอาจจะจับลงคนเดียว หรือหลายคน แต่เท่าที่เคยเห็น
กันมามักจับลงหลายคน (๑๗)
- หลังจากจับลงแล้วก็มีการเป่าปี่ ตีทน การเป่าปี่มักจะเลือกเป่าเพลงที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์
เพื่อปัดรังควานและเสนียดจัญไรต่าง ๆ ด้วย
- เมื่อเป่าปี่ ตีทน ลั่นฆ้อง จบลง ก็ถือว่าหมดพิธีแต่เพียงเท่านั้น
______________________
(๑๔) สุมนา หมายถึงฤดูทำนา
(๑๕) หมรับ หมายถึง สำรับ |