ทั้งนี้สำหรับเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เองบ้าง พระราชทานสมเด็จพระอัครมเหสี สมเด็จพระราชโอรสราชธิดา
ให้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์บ้าง กับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรีและบุคคลที่ทรงพระราชดำร
ิเห็นสมควรบ้าง แต่ในบางปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็อาจเสด็จพระราชดำเนิน หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ม
ีผู้แทนพระองค์ไปถวายผ้ากฐิน ณ พระอารามหลวงอื่นนอกเหนือจากที่สงวนไว้ 16 พระอารามก็ได้
ในจำนวนพระอารามหลวงสำคัญ 16 พระอารามนี้ มีพระอารามที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษ จึงเสด็จพระราช
ดำเนินถวายผ้าพระกฐินเป็นประจำทุกปีคือ
1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
วัดนี้เป็นวัดเก่าแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีนามว่าวัดโพธาราม ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และสร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นแล้ว ก็ได้ทรงสถาปนาวัดโพธารามขึ้นใหม่ทั้งหมด
พระราชทานนามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จัดว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองและคู่พระบรมมหาราชวัง ทั้งยังมีพระมหาเจดีย์
เป็นพระบรมราชานุสรณ์ประจำรัชกาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ด้วย
2. วัดอรุณราชวราราม
วัดนี้เป็นวัดเก่าสร้างแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเช่นเดียวกัน เดิมเรียกวาวัดมะกอก กล่าวกันว่าเมื่อครั้งสมเด็จ
พระเจ้ากรุงธนบุรี
เสด็จขึ้นไปถวายพระเพลิงพระศพพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา และทรงพระราชดำริที่จะสร้าง
กรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็น
ราชธานีดังเดิมนั้น ได้ทรงพระสุบินว่า พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาแต่ก่อนท่านมาขับไล่
จึงเลิกล้มความทั้งพระทัย
เสด็จล่องเรือลงมาทางใต้ ถึงวัดมะกอกในตอนรุ่งสว่างพอดี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้หยุดเรือ แล้วตั้งราชธานี ณ กรุงธนบุรีต่อมา จากนั้นวัดนี้จึงได้รับการขนานนามใหม่ว่า “วัดแจ้ง” เป็นนิมิตหมายสำคัญ
ในการตั้งราชธานีใหม่ หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาถูกข้าศึกเผาวอดวายไปแล้ว ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 2 ได้ทรงสถาปนาพระอุโบสถขึ้นใหม่ และได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดอรุณราชวราราม”
ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ได้ทรงสถาปนาพระปรางค์ขึ้น เป็นพระปรางค์ที่วิจิตรงดงามเป็นสง่าราศีแก่ประเทศชาติตราบเท่าทุกวันนี้
3. วัดบวรนิเวศวิหาร
วัดนี้สมเด็จพระบรมราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ทรงสถาปนา และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบูรณะ
แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามกุฎ
และทรงพระผนวชอยู่ ย้ายจากวัดสมอรายมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ณ วัดนี้ นอกจากนั้นวัดนี้ยังเป็นที่สถิตของพระราชอุปัธยาจารย
์ และเป็นที่ประทับระหว่างทรงพระผนวชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายรัชกาล
4. วัดสุทัศนเทพวราราม
เป็นวัดที่สถาปนาขึ้นในรัชการที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่การยังค้างอยู่ รัชกาลที่ 3 จึงได้ทรงสถาปนาขึ้นใหม่
ทั้งวัดที่ฐานพระศรีศากยมุนีในพระวิหารหลวงของวัดนี้ป็นที่บรรจุพระบรมราชสริรางคารในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
มหาอานันทมหิดลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงสืบพระราชสันตติวงศ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระองค์นั้น จึงทรงระลึกในพระมหากรุณาธิคุณและทรงยกย่องเชิดชูพระเกียรติเป็นพิเศษ ในเทศกาลถวายพระกฐินจึงเสร็จ ฯ
ด้วยพระองค์เองทุกปี
5. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
วัดนี้เป็นวัดซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา ปัจจุบันเป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปรินายก วัดใดก็ตามที่สมเด็จพระสังฆราชสถิต จะเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถวายผ้าพระกฐิน
เป็นประจำทุกปี
ได้กล่าวมาแล้วแต่ตอนต้นว่า การทอดกฐินแต่ก่อนนั้น เป็นประเพณีใหญ่และเอิกเกริกมโหฬาร ถ้าเป็นกฐินราษฎร์
ก็มีการแห่แหนองค์กฐินกันเป็นการครึกครื้นมาก ส่วนพระกฐินหลวงซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน
ในสมัยก่อน คือในตอนต้นยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ก็เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนแห่ที่เรียกว่ากระบวนพยุหยาตรา
ทั้งทางบกและทางน้ำบ้าง และกระบวนราบบ้าง คำว่ากระบวนราบนี้มิได้หมายถึงเสด็จแต่ทางบก ทางเรือ เมื่อเสด็จ
โดยเรือพระที่นั่งกราบโถง แห่นำตามเสด็จด้วยเรือกราบ ก็เรียกกระบวนราบเช่นเดียวกัน
ในรัชกาลต่อ ๆ มา เมื่อมีราชพาหนะใดเกิดขึ้นสำหรับทรงใช้สอยประจำในราชการ ก็เสด็จโดยราชพาหนะนั้น
เช่นรถม้า รถยนต์ และเรือยนต์ แต่การเสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทั้งทางบกและทางน้ำ ก็ยังคงมีอยู่แทบทุกปี
ในสมัยหลัง ๆ นี้เท่านั้นที่ห่างไป เพราะบ้านเมืองของเราประสบภาวะข้าวยากหมากแพงค่าครองชีพสูงขึ้น
จึงทรงพระราชดำริว่า ไม่เหมาะแก่ภาวะของบ้านเมืองที่จะให้การเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน
เป็นไปโดยเอิกเกริกมโหฬารเช่นเดิม
พระกฐินหลวงเสด็จพระราชดำเนินปี 2523 นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน 3 วัน
คือวันที่ 30 ตุลาคม วันที่ 1 และ 2 พฤศจิกายน
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จแทนพระองค์ในวันที่ 31 ตุลาคม
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จ
พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จแทนพระองค์ในวันที่ 3 - 4 - 5 พฤศจิกายน ตามลำดับ
พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติในการถวายผ้าพระกฐิน ณ พระอารามหลวง มีดังนี้
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงหน้าพระอุโบสถ ทรงรับผ้าไตรและผ้าห่มพระประธานจากเจ้าพนักงานศุภรัต
เชิญเข้าไปวางเหนือพานแว่นฟ้าหน้าอาสน์สงฆ์ในพระอุโบสถ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมากร
ทรงกราบ ถ้าวัดนั้นมีพระบรมราชสริรางคารบรรจุที่ฐานพระพุทธปฏิมาประธานก็ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการด้วย
จากนั้นทรงหยิบผ้าสำหรับห่มพระประธานพระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลาเพื่อถวายห่มองค์พระครั้นแล้วเจ้าหน้าที่
ี่กงศาสนูปถัมภ์กราบบังคมทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรพาดพระกร ประณมพระหัตถ์ ผันพระพักตร์
สู่พระประธาน ทรงเจริญพระพุทธคุณบท “นะโม ตัสสะ” 3 จบ แล้วทรงผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวาย
ผ้ากระกฐิน แล้วทอดผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้าตามเดิม จากนั้นทรงประเคนเทียนปาฏิโมกข์แด่พระองค์ที่ 2 แล้วเสด็จ
ประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชวงศ์ถวายเครื่องบริขาร
พระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้วเสด็จ
ไปทรงกราบที่พระแท่นทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
สำหรับวัดบวรนิเวศวิหาร มีพระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวรเรศวริยาลงกรณ์ พระรูปสมเด็จ
พระมหาสมณเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวโรรส และพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ประดิษฐานอยู่
ดังนั้นก่อนที่จะโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชวงศ์ถวายเครื่องบริขารพระกฐิน จะเสด็จทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะ และ
ทรงทอดผ้าสดับปกรณ์ด้วย
ส่วนวัดสุทัศน์เทพวราราม มีพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลประดิษฐานอยู่
เมื่อเสด็จลงจากพระวิหารภายหลังการถวายผ้าพระกฐินแล้ว จึงเสด็จไปทรงจุดเครื่องทองน้อยถวายสักการอัฏฐม
ราชานุสรณ์ด้วย
นอกจากพระอารามหลวงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระราชศรัทธาเสด็จพระราชดำเนินไปถวาย
ผ้าพระกฐิน ณ อารามราษฎร์เป็นการส่วนพระองค์อีกด้วย พระกฐินส่วนพระองค์นี้เรียกกันว่า พระกฐินต้นวัดที่จะเสด็จ
พระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินต้นนั้นจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ดังนี้
1. เป็นวัดที่ยังไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินมาก่อน
2. ประชาชนในท้องถิ่นมีความศรัทธาเลื่อมใสในวัดนั้นมาก
3. ประชาชนในท้องถิ่นไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปถวาย
ผ้าพระกฐิน จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดด้วย (เอกลักษณ์ของชาติ,คณะกรรมการ.2524, 90-98)
|