๓. ด้านการส่งเสริมการใช้ภาษาไทย |
|
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงปลูกฝังพระโอรสและพระธิดา
ให้ทรงตระหนักในความสำคัญของภาษาไทยอันเป็นภาษาประจำชาติ
มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ขณะที่ประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาส
ราชนครินทร์ ทรงเล่าถึงเรื่องการใช้ภาษาไทยในการสนทนา
ภายในครอบครัวว่า
“เมื่อตอนไปถึงสวิตเซอร์แลนด์ใหม่ ๆ เราจะภาษาไทยกัน
เมื่อพูดภาษาฝรั่งเศสได้กล่องแล้ว พี่น้องทั้งสามคนจะพูด
ภาษาฝรั่งเศสด้วยกัน แต่จะพูดภาษาไทยกับแม่เสมอไป”
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เป็นเวลาหลายปีแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงใช้
ภาษาไทยได้ดี ทั้งยังทรงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริม
ภาษาไทยอันเป็นภาษาประจำชาติเป็นอย่างดี ดังพระราชดำรัส
ที่พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ว่า
“...เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองมาแต่โบราณ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้...”
“...ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งประเสริฐอยู่แล้ว...” |
ที่มา : รื่นฤทัย สัจจพันธ์. 2553,4 |
|
"การรู้ภาษาและอ่านเขียนได้นี้เป็นประโยชน์มาก ประการหนึ่ง ทำให้มีความสะดวก
ในการติดต่อ เช่น ติดต่อการงานกับทางราชการ หรือติดต่อประสานกับผู้ที่มาปฏิบัติงาน
พัฒนาต่างๆ ซึ่งถ้าติดต่อพูดจากันได้ไม่ติดขัด ก็จะมีความเข้าอกเข้าใจกัน
และสามารถร่วมมือกันทำงานสร้างความสุขความเจริญให้เกิดขึ้นได้ อีกประการหนึ่ง
การอ่านเขียนหนังสือได้จะช่วยให้มีโอกาสเรียนรู้วิทยาการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างๆ
ได้มากมาย และความรู้ความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในทางสร้างสรรค์
ให้เกิด ประโยชน์ตามที่ต้องการได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ภาษายังเป็นปัจจัยสำคัญ
อย่างยิ่งในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด รวมทั้งคุณธรรมความดีทุกอย่าง"
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ผู้นำศาสนาอิสลาม (อิหม่าม) ในจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ และผู้แทนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เขตการศึกษา ๒ วันพฤหัสบดีที่ ๒๔
กันยายน ๒๕๓o ที่มา : รักในหลวง ห่วงภาษาไทย: 2544,10 |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำเนินทรงร่วมอภิปรายเรื่อง “ปัญหาการใช้คำไทย”
ซึ่งชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๙
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ ณ ตึกอักษรศาสตร์ พระราชดำรัสที่พระราชทานในวันนั้น
แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องของภาษาไทยขึ้นและมีพระบรม
ราชาธิบายว่า ภาษาไทยทั้งหลายมีความสำคัญ เพราะว่า “เป็นเครื่องมือของมนุษย์
ชนิดหนึ่ง คือเป็นทางสำหรับแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง
เช่น ในทางวรรณคดี เป็นต้น”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในธรรมชาติของภาษาซึ่งย่อมมีการ
เปลี่ยนแปลง ทรงตั้งข้อสังเกตว่า ภาษาไทยหรือภาษาทั้งหลายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
นั้นเป็นภาษาที่มีชีวิต ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและจากการที่ได้เสด็จฯ ไป
ในท้องที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นระยะเวลายาวนาน จึงทรงตระหนักในความสำคัญ
ของการอนุรักษ์หรือฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดและการศึกษา
ภาษาท้องถิ่น มีแนวพระราชดำริว่า ภาษาถิ่นก็มีความสำคัญ ต้องส่งเสริมรักษาไว้
เพราะเป็นภาษาดั้งเดิมมากกว่าภาษากรุงเทพฯ ภาษาถิ่นช่วยในการศึกษา
ความเป็นมาของภาษไทย |
|
การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมอภิปราย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในครั้งนั้นเป็นเหตุให้เกิดการตื่นตัวในการทำนุบำรุงภาษาไทย คณะกรรมการรณรงค์
เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเสนอแนะคณะรัฐมนตรีให้กำหนด
วันที่ ๒๙ กรกฎาคมของทุกปี เป็น “...วันภาษาไทยแห่งชาติ”
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
แม้ว่าจะมีพระราชกรณียกิจมากมายหลายด้าน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ก็ทรงใช้เวลาว่างวันละเล็กวันละน้อยทรงพระราชนิพนธ์ และทรงแปลหนังสือขึ้นหลายเรื่อง
พระราชนิพนธ์ที่สำคัญคือ
- พระราชนิพนธ์ที่แปลเป็นหนังสือได้แก่ เรื่อง นายอินทร์ผู้ปิดทองหนังพระทรงแปล
จากเรื่อง A man called Intrepid by William Stevenson เรื่อง ติโต ทรงแปล
จากเรื่อง Tito ของ Phyllis Auty
- พระราชนิพนธ์เรื่อ พระมหาชนก ซึ่งทรงเรียบเรียงเป็นภาษาไทย
และทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย และพระราชนิพนธ์เรื่องทองแดง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพิถีพิถันการใช้ภาษาไทยในพระราชนิพนธ์ทุกเรื่อง
ทรงใช้ถ้อยคำสำนวนที่มีความกะทัดรัดแจ่มกระจ่าง และสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน |
|
|
|