แห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ลงน้ำ ที่แม่น้ำปัตตานีกลางเมือง    ที่มา : อภินันท์ บัวหภักดี. 2554,49
 

ประวัติของเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว  เป็นตำนานที่ย้อนกลับไปถึงสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา  เอ่ยอ้างถึงการมาของนายทหารจีนรูปหล่อ  ชื่อลิ่มโต๊ะเคี่ยมซึ่งเป็นพี่ชายของลิ่มกอเหนี่ยวว่า  เมื่อลิ่มโต๊ะเคี่ยมคุมสำเภามาถึงปัตตานีก็ได้พบรักกับบุตรสาวเจ้าเมือง  และได้อยู่ช่วยเป็นมือขวาให้แก่เจ้าเมืองปัตตานีในกิจการต่าง ๆ  รวมถึงการเป็นนายกองจัดสร้างมัสยิดสำคัญประจำเมือง  คือ  มัสยิดกรือเซะในปัจจุบัน
                การที่ลิ่มโต๊ะเคี่ยมมาลงหลักปักฐานที่ปัตตานี  ทำให้มารดาล้มป่วยหนัก  ลิ่มกอเหนี่ยวน้องสาวต้องลงเรือสำเภามาติดตาม  แต่กระนั้น  ลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็ไม่ยอมกลับ  ไม่ว่าลิ่มกอเหนี่ยวจะอ้อนวอนด้วยประการใด ๆ  ในที่สุดเมื่อตามลิ่มโต๊ะเคี่ยมกลับไปหามารดาไม่ได้ลิ่มกอเหนี่ยวจึงผูกคอตาย  และก่อนตายได้สาปแช่งให้การก่อสร้างมัสยิดของลิ่มโต๊ะเคี่ยมไม่ประสบความสำเร็จ

และต่อมามิสยิดกือเซะก็สร้างไม่สำเร็จจริง ๆ  ในตำนานของเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวกล่าวว่า  ทุกครั้งที่มัสยิดสร้างมาจนถึงขั้นสุดท้ายคือยอดโดม  ก็จะต้องถูกฟ้าผ่าพังทลายลงมาทุกครั้ง  และด้วยเรื่องราวอันเป็นตำนานของการเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาติดตามพี่ชาย  ความกตัญญูในตัวมารดา  และความมีวาจาสิทธิ์จึงทำให้ลิ่มกอเหนี่ยวได้กลายเป็นเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวที่มีความศักดิ์สิทธิ์  เป็นที่เลื่องลือ  ในปัจจุบันศาลของเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวคือศาลเจ้าเล่งจูเกียงใจกลางเมืองปัตตานี
                ในทุก ๆ  ปีในวันขึ้น  ๑๕  ค่ำ  เดือนอ้าย  ตามจันทรคติจีน  จะถือเป็นวันนมัสการเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว  จะมีการนำเจ้าพ่อ  เจ้าแม่ต่าง ๆ  ในศาล  รวมทั้งเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวออกแห่แหนไปรอบ ๆ  เมืองให้สาธารณชนในเมืองได้ตั้งโต๊ะบูชา  จุดสนใจสูงสุดของผู้คนในการนี้จะอยู่ที่การนำเจ้าพ่อเจ้าแม่ไปลงลุยน้ำและลุยไฟอันเป็นการแสดงปาฏิหาริย์  และในปีนี้  อ.ศ.ท.  เราก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมชมการลุยไฟด้วย  หลังจากไม่ได้เข้าร่วมชมมานานเป็นสิบปี


 
         
                           ภายในวังยะหริ่ง อดีตที่พักและที่ว่าการเมืองยะหริ่ง                                 พิธีลาซัง (ปูยอมือแน) เป็นพิธีฉลองนาหลังจากการเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว
                                ที่มา : อภินันท์ บัวหภักดี. 2554,43                                                      ที่มา : ประเพณีแห่ลาซัง หรือที่ชาวไทยมุสลิมเรียกว่า "บูยอบือแน"
                                                                                                                                                  http://123.242.179.85/webptn/index.
  และแม้จะผ่านเลยมาเป็นสิบปี  แต่ความร้อนที่หน้ากองไฟก็ยังคงร้อนจี๋  และกลุ่มควันหนาทึบที่เกิดขึ้นจากกองไฟก็ยังคงแสบหูแสบตา  ทว่าลูกศิษย์ที่มากันมากมายจนเต็มเมืองของเจ้าพ่อเจ้าแม่ก็ยังแบกเกี้ยวเดินลุยขึ้นกองไฟกันได้อย่างไม่ครั่นคร้าม  จะมีใครบาดเจ็บขาพองไหม้จากการนี้หรือไม่  ลองถามคนในเมืองดูอย่างเปิดอก  ก็ได้คำตอบว่ามีอยู่บ้างเหมือนกัน  แต่ก็ต้องถามต่อว่า  แล้วลูกศิษย์คนนั้นก่อนมาลุยไฟไปทำบาปหนักหนาอะไรมาหรือเปล่า  เจ้าพ่อเจ้าแม่จึงลงโทษถึงขนาดนั้น         
 
PREVIOUS      NEXT