ประวัติศาสตร์เมืองสงขลาได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง ประมาณพุทธศตวรรษที่ 22-24 โดยมีศูนย์กลางการปกครอง
หรือ สถานที่ตั้งเมือง 3 แห่งโดยสามารถลำดับจากพัฒนาการ ได้แก่
เมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดง
สันนิษฐานว่าเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงน่าจะมีมาก่อนพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ถึงปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๓
เพราะเจดีย์บนยอดเขาน้อยที่ปรากฏอยู่นั้น มีอายุไม่น้อยกว่าพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ โดยปรากฏชื่อในเอกสารต่าง ๆ
ของพ่อค้าชาวตะวันตกว่า Singora บ้าง Singor บ้างซึ่งน่าจะเป็นที่มาของคำว่า สิงขร” หรือ “สิงหลา” ที่แปลว่าจอม
ที่สูงสุดยอดเขา และเป็นความหมายที่สอดคล้องกับที่ตั้งเมืองสงขลาที่มีภูเขามากมาย เช่น เขาแดง เขาตังกวน เขาน้อย
เกาะหนูและเกาะแมว เมืองสงขลาฝั่งเขาแดงอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองชาวมุสลิมที่หนีภยจากโจรสลัด
ที่คุกคามอย่างหนัก โดยปรากฏในเอกสารของชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายไม่ว่าจะเป็นจดหมายของนายแมร์ เทนเฮาต์แมน
พ่อค้าชาวดัตซ์ เรียกเจ้าเมืองสงขลาในขณะนั้นว่า “โมกุล” ในขณะที่บันทึกของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ
เรียกชื่อเจ้าเมืองสงขลาว่า “โมกอล” ซึ่งในช่วงเวลานั้นตรงกับสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ราว พ.ศ. ๒๑๕๓-๒๑๕๔
คุณสุภัทร สุคนธาภิรมณ์ ณ พัทลุง ซึ่งเป็นเชื้อสายโดยตรงของสุลต่านสุไลมานได้เล่าว่าประมาณ
พ.ศ. ๒๑๔๕ ดาโต๊ะโมกอล ซึ่งเคยปกครองเมืองสาเลย์ ที่เป็นเมืองลูกของจาการ์ตาบนเกาะชวา หรืออินโดนีเซีย
ในปัจจุบัน ได้อพยพครอบครัวและบริวารหนีภัยจากการเล่าเมืองขึ้นลงเรือสำเภามาขึ้นฝั่งที่บริเวณบ้านหัวเขาแดง
แขวงเมืองสงขลา เข้าใจว่าตระกูลนี้คงเคยเป็นตระกูลที่ปกครองบ้านเมืองมาก่อน เมื่อเจอทำเลที่เหมาะสม
จึงนำบริวารขึ้นบกสร้างบ้านเรือน และทำท่าจอดเรือขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับเรือสำเภาและเรือกำปั่นที่เดินทางมา ทำการค้าทางทะเลจนเมืองหัวเขาแดงในสมัยนั้นกลายเป็นเมืองท่าระหว่างประเทศ โด่งดังไปจนถึงกรุงศรีอยุธยา ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระเอกาทศรถจีงได้ทรงมีพระราชโองการต่างตั้งให้ดาโต๊ะโมกอลเป็นข้าหลวงใหญ่ของพระเจ้า
กรุงสยาม ประจำเมืองพัทลุง อยู่ที่หัวเขาแดง แขวงเมืองสงขลา |