เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง |
อาคารสไตล์ชิโน-โปรตุกีส เรียงรายเป็นระยะอยู่บนถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม |
สงขลาฝั่งบ่อยางเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ หลังจากเมืองสงขลาฝั่งแหลมสน ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืดและพื้นที่ราบในการขยายเมือง เจ้าพระยาวิเชียรคีรีก็ทำการตั้งเมืองสงขลาฝั่งบ่อยางในปี พ.ศ. ๒๓๗๙ และรักษาความเป็นเมืองท่าไว้อย่างเดิม โดยในเบื้องต้นของการสร้างเมือง เจ้าพระยาวิเชียรคีรีได้สร้างป้อมกำแพงเมือง ยาว ๑,๒๐๐ เมตร และประตูเมือง ๑๐ ประตู หลักจากนั้นได้วางหลักเมืองและสมโภชหลักเมืองในปี พ.ศ. ๒๓๘๕ และเรียกบริเวณพื้นที่นี้ว่า “เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง” ก่อนที่เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส็ง) จะถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๗-๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้พระราชทานเงินบางส่วนเพื่อสร้างเจดีย์บนยอดเขาตังกวน และในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิรูปการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล โดยตั้งมณฑลนครศรีธรรมราชอันประกอบไปด้วยนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และหัวเมืองแขกอีก ๗ เมือง โดยมีพระวิจิตร (ปั้น สุขุม) ลงมาเป็นข้าหลวงพิเศษ ว่าการมณฑลนครศรีธรรมราช ซี่งตำแหน่งที่ตั้งอาคารที่ว่าการอยู่ที่เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง และลดบทบาทเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดยุคปกครองแบบเจ้าเมืองไปด้วย |
พระธาตูเจดีย์หลวงตั้งอยู่บนยอดเขาตังกวน ได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 4 และ ศาลวิหารแดงซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาตังกวน สร้างโดยพระยาวิเชียรคีรี(เกี้ยนเส็ง) เมื่อปีพ.ศ. 2440 ที่มา :ชัยวัฒน์ ชินอุปราวัฒน์. 2553,49 |
อาคารสไตล์ชิโน-โปรตุกีส อายุกว่า 100 ปีที่เจ้าของอาคารภาคภูมิใจที่ได้เก็บไว้ให้คนรุ่นหลังชม |