ในช่วงแรกของการตั้งเมืองสงขลา เจ้าเมืองได้ยอมรับการตกเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยา โดยสุลต่านผู้ครองเมืองดัจัดส่งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงศีอยุธยา ในขณะเดียวกัน สงขลาฝั่งหัวเขาแดงก็ทำธุรกิจแลกเปลี่ยนสินค้าในระดับนานาชาติ โดยทำการค้ากับฮอลันดา โปรตุเกส จีน อินเดีย และฝรั่งเศส โดยเฉพาะปี พ.ศ. ๒๑๗๑-๒๒๐๑ เป็นสมัยที่ฮอลันดามีความมั่งคั่งมาจากการผูกขาดเครื่องเทศแต่เพียงผู้เดียว และในปี พ.ศ. ๒๑๘๔ ชาวดัตซ์สามารถยึดเมืองมะละกาเป็นศูนย์กลางทางการค้ากับจีนและญี่ปุ่นโดยตรง โดยมีบันทึกหลายฉบับได้กล่าวถึงการค้าขายบริเวณเมืองท่าสงขลาฝั่งหัวเขาแดงดังนี้
จดหมายของนายคอร์เนลิส ฟอน นิวรุต จากห้างดัตซ์ ที่กรุงศรีอยุธยา ไปถึงหอการค้าเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลันดา เมือ พ.ศ. ๒๑๖๐ กล่าวถึงเมืองสงขลาไว้ว่า
ขณะนี้พ่อค้าสำคัญ ๆ ได้สัญญาว่าจะแวะเมืองสิงขระ”
จดหมายของจูร์แดง ชาวอังกฤษ ได้รายงานไปที่ห้างอังกฤษบนเกาะชวา เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๑๖๔ ได้กล่าวถึงการค้าขายที่เมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงว่า
“พวกดัตซ์ใช้เรือขนาดเล็กที่เรียกว่าแวงเกอร์ประมาณ ๔-๕ ลำ ประจำที่สิงขระเพื่อกว้านซื้อพริงไทยจากพ่อค้าชาวพื้นเมืองที่เข้ามาขายให้”
ต่อมาสุลต่านสุไลมานฉวยโอกาสแข็งเมืองและประกาศตัวเป็นพระเจ้าสงขลาที่ ๑ ดำเนินการค้าโดยตรงกับนานาประเทศ โดยเฉพาะฮอลันดา เมืองสงขลาได้เจริญถึงจุดสูงสุดในยุคนั้น ถึงขั้นผลิตเงินตราขึ้นใช้เอง โดยมีคำว่า “สงขลา” เป็นภาษาไทยบนเหรียญ และภาษายาวีสองคำ อ่านว่า “นะครี ซิงเกอร์” ซึ่งแปลว่า “นครสงขลา”
หลังจากปี พ.ศ. ๒๑๘๕ สุลต่านสุไลมานก็ตั้งตนเป็นเอกราชและไม่ส่งอากรให้กรุงศรีอยุธยาทำให้พระเจ้าปราสาททองต้องส่งกองทหารมาปราบหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากเมืองสงขลาตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี มีการก่อสร้างกำแพงเมือง คันคู ตลอดจนป้อมปืนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง ดังหลักฐานจากข้อเขียนของวัน วลิต (Van Vliet) ตัวแทนบริษัท Dutch East India Co., Ltd ประจำกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเคยเดินทางมาเยือนเมืองสงขลาที่หัวเขาแดงเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๑๘๕ ได้เขียนรายงานไว้ว่า
“พระเจ้าปราสาททองได้เคยส่งกองเรือจากกรุงศรีอยุธยามาร่วมกับกองทัพเมืองนครศรีธรรมราช ทำการโจมตีเมืองสงขลาถึงสองครั้งในช่วงเวลาเพียงสองปี แต่ต้องประสบความพ่ายแพ้ทั้งสองครั้ง”
ส่วนอีกบันทึกหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า กองเรือจากกรุงศรีอยุธยาได้ร่วมกับกองทัพจากนครศรีธรรมราช ยกทัพเรือมาโอบล้อมเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดง โดยมีพระยาเดโชเป็นแม่ทัพใหญ่และเริ่มทำยุทธนาการกันทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีลูกเรือชาวดัตซ์ช่วยรบกับกองทัพเมืองนครศรีธรรมราช ผลสุดท้ายกองทัพของสุลต่านมุสตาฟา ฮุสเซน และฮัสซันซึ่งเป็นบุตรของสุลต่านสุไลมาน ยอมจำนนแก่แม่ทัพใหญ่เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช จากนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีพระบรมราชโองการยกเมืองสงขลาให้กับฝรั่งเศส แต่ฝรั่งเศสปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงในขณะนั้นอยู่ในสภาพเสียหายอย่างหนัก และประชาชนส่วนใหญ่ก็โยกย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ฝั่งแหลมสน ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่ง และชุมชนที่ว่านี้ก็พัฒนามาเป็นเมืองสงขลาฝั่งแหลมสนในเวลาต่อมา |