รูปแบบของกริชในดินแดนที่มีวัฒนธรรมกริช
คตินิยมของการใช้กริชในบริเวณคาบสมุทรมลายู และบริเวณใกล้เคียงมีขึ้นอย่างกว้างขวางจากอิทธิพลของชวา ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบของกริชไปตามกลุ่มวัฒนธรรม จนมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว G.C.Woolley ได้จำแนกกลุ่ม
ของกริชไว้ในหนังสือเรื่อง The Malay Keris:Its origin and development (1947) โดยอาศัยรูปแบบของด้ามและฝักเป็นหลัก
ได้ 7 กลุ่ม (สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ เล่ม 1. 2529 : 46) คือ
(1) กริชแบบสกุลช่างบาหลีและมูดูรา
กริชกลุ่มบาหลีและมูดูรา เป็นกริชของชวาฮินดู ด้ามกริชมักแกะสลักเป็นรูปบุคคลลักษณะเหมือนจริง
มากกว่าเป็นแบบนามธรรม และมีความเป็นอัตลักษณ์ที่เด่นชัด 2 แบบ คือแกะสลักเป็นรูปยักษ์หรือรูปรากษสและแบบเทพยดาที่ทรงเครื่องแบบตัวละครในนาฏศิลป์ของบาหลี ทั้ง 2 แบบ
จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ชัดเจนไม่ว่า ตา หู จมูก คอ มือ เท้า ตลอดจนเส้นผมและหนวดเครา
และเสื้อผ้าอาภรณ์ ฝักกริชแบบบาหลีมี 2 แบบ ที่นิยมกันและตรงกับของชวา คือ แบบกายามันและแบบลาดรังงัน แต่แบบกายามันของบาหลีมีความมนกลมมากกว่า มีลักษณะคล้ายลอนตาลหรือเมล็ดลูกสะบ้า ส่วนฝักกริชบาหลีแบบลาดรังงันปีกฝักลักษณะคล้ายตัวเรือและมีความหนาเทอะทะกว่าของชวาและนิยมสลักลวดลาย
ในเนื้อไม้มีทั้งลายเครือเถาและลายหน้ากาล |
|
ด้ามกริชแบบสกุลช่างบาหลี ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,82 |
(2) กริชแบบสกุลช่างชวา
กริชกลุ่มชวา ด้ามกริชแบบชวามองดูคล้ายกับศิวลึงค์หรืออวัยวะเพศชาย ปลายด้ามโค้งมนคล้ายเมล็ดถั่ว หรือเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ บริเวณโคนด้ามเป็นปุ่มมน มีการแกะสลักเพียงเล็กน้อยตรงบริเวณใต้จุดที่หักงอของด้ามและบริเวณโคนด้ามส่วนที่เหลือจะเกลาจัดเรียบฝักกริชแบบชวา มี 2 แบบ คือ แบบกายามัน ปีกฝักจะมีรูปคล้ายผลมะม่วงและแบบลาดรังงัน ของชวามีลักษณะคล้ายรูปเรือแต่ด้านหัวจะม้วนโค้ง ด้านท้ายจะเชิดงอนและเรียวแหลมกว่าแบบลาดรังงันของบาหลี ก้านฝักของชวานิยมสวมปลอกเงินหรือทองเหลืองทั้งแบบเรียบและดุนลาย ปลายฝักมีลักษณะโค้งมนคล้ายปลายนิ้วมือ |
|
|
กริชชวาฝักแบบกายามัน ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,83 |
กริชชวา ฝักแบบลาดรังงัน ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,83 |
(3) กริชคาบสมุทรตอนเหนือ
กริชกลุ่มคาบสมุทรตอนหนือ ด้ามกริชรูปแบบคล้ายคนนั่งกอดอก เอียงไหล่ตะแคงหน้า บนศีรษะมีครีบแหลมคล้ายหงอนไก่ ในภาคใต้เรียกด้ามกริชแบบนี้ว่า “ด้ามกริชหัวลูกไก่” หรือ “ด้ามกริชหัวลูกไก่ตายโคม” ชาวมลายูในภาคใต้ตอนล่างเรียกว่า “ด้ามกริชแบบอาเนาะอาแย” แปลว่าด้ามกริชหัวลูกไก่เช่นกัน ส่วนชาวมุสลิมในมาเลเซียเรียกว่า “ฮูลูยาวาเดมัน” แปลว่าด้ามกริชแบบชวาป่วย เพราะดูคล้ายคนป่วยนั่งจับเจ่ากอดอกคอตกตะแคง ส่วนฝักกริชแบบกลุ่มคาบสมุทรตอนเหนือ มีรูปแบบเรียบเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปีกฝักมีเหลี่ยมมุมคมชัด เชื่อกันว่าฝักกริชของกลุ่มนี้ดัดแปลงมาจากรูปแบบของฝักกริชบูกิส และเป็นรูปแบบที่พัฒนาขึ้นในคาบสมุทรมลายู |
|
กริชแบบคาบสมุทรตอนเหนือ
กริชหัวลูกไก่ตายโคม
-ใบกริช แบบตรง แบบโสปติ สกุลช่างชวา
- ด้าม แบบหัวลูกไก่ตายโคม (ยาวาเดมัน)
- ฝัก แบบบูกิส
ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,84
|
(4) กริชแบบสกุลช่างบูกิส
กริชกลุ่มบูกิส กริชกลุ่มนี้มีต้นกำเนิดมาจากชาวบูกิสในเกาะสุลาเวสี หรือเกาะซีลีเบสหรือเกาะมักกะสัน ด้ามกริชของกลุ่มบูกิสคล้ายแบบลูกไก่ตายโคม แต่จะไม่มีมือกอดอกด้ามกริชแบบนี้ชาวไทยพุทธในภาคใต้เรียกว่า “ด้ามกริชแบบหัวจังเหลน” หรือ “หัวจังเหลนคอยบ่อ” เพราะมีลักษณะคล้ายกับตัวจังเหลน (จิ้งเหลน) ชาวมุสลิมในภาคใต้เรียกว่า ฮูลูกะด๊ะ (ด้ามกริชแบบฝักลูกเนียงนกซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านชนิดหนึ่ง) ชาวมุสลิมบางกลุ่มเรียกว่า “ฮูลูแลแบ็ง” ปีกฝักของกริชกลุ่มบูกิสมีเหลี่ยมมนไม่มากและไม่ชัดเจนเหมือนอย่างแบบของกลุ่มคาบสมุทรตอนเหนือ |
|
กริชแบบสุมาตรา ด้าวหัวไม้เท้า ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,85 |
(5) กริชแบบสกุลช่างสุมาตราหรือกริชอาเนาะแล
กริชกลุ่มสุมาตรา มีต้นกำเนิดในเกาะสุมาตรา ด้ามกริชกลุ่มนี้ที่พบมามากมี 2 แบบ คือ แบบด้ามหักมุมคู้งอคล้ายหัวไม้เท้า และแบบหัวลูกไก่ ฝักกริชแบบนี้ลักษณะเด่นอยู่ที่ส่วนปีกฝัก ซึ่งมีรูปคล้ายหางปลา หรือคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ชาวมุสลิมในภาคใต้เรียกกริชแบบสุมาตราที่มีฝักและด้ามดังกล่าวแล้วว่ากริชอาเนาะและหัวไม้เท้า หรืออะเนาะแลหัวลูกไก่ แล้วแต่ลักษณะของด้าม
(6) กริชแบบซุนดัง
เป็นกริชกลุ่มที่นิยมใช้กันในกลุ่มมุสลิมโมโรในเกาะมินดาเนาของประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนแหล่งกำเนิดยังไม่แน่ชัด เป็นกริชขนาดใหญ่ ชนิดใบกริชตรงมีลักษณะคล้ายกระบี่หรือดาบสองคมของจีน บางเล่มกว้างถึง 3 นิ้ว และยาวถึง 27 นิ้วก็มี มีทั้งแบบใบกริชตรงและใบกริชคตด้ามกริชกลุ่มซุนดังมีลักษณะคล้ายหัวนกกระตั้ว เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งคือ กั่นกริชแบบนี้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมแบน ต่างกับของกลุ่มอื่น ๆ ทั้งหมดที่ล้วนมีกั่นเป็นลักษณะกลม ฝักของกริชกลุ่มซุนดังไม่มีรูปแบบของตนเอง ใช้ฝักแบบอาเนาะอะแล ก็มี ฝักแบบบูกิส ก็มี
|
|
กริชแบบซุนดัง ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,86 |
(7) กริชแบบสกุลช่างปัตตานี
กริชกลุ่มปัตตานี กริชกลุ่มนี้มีการพัฒนารูปแบบจนมีอัตลักษณ์ทั้งฝักและด้ามจึงเรียกกันว่า กริชแบบปัตตานี นิยมใช้กันในพื้นที่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของสงขลาและสตูล ด้ามกริชจะแกะสลักจากไม้เป็นรูปยักษ์หรือรากษสตามคติความเชื่อแบบฮินดู-ชวา แต่จะมีจมูกยาวงอน นัยน์ตาถลนดุดัน ปากแสยะ มองเห็นไรฟันและเขี้ยวอันแหลมและงอนโค้ง ส่วนที่เป็นเส้นผมและเคราตลอดจนเครื่องประดับช่างรังสรรค์ให้เป็นกระหนกเครือเถาที่มีความงามวิจิตรแฝงไว้ด้วยอำนาจและพลังลึกลับ เนื่องจากด้ามกริชแบบปัตตานีมีรูปเป็นยักษ์แต่จมูกยาวงอน คนทั่วไปในชั้นหลังจึงมองเห็นเป็นแบบ “หัวนกพังกะ” หรือนกกระเต็น จึงเรียกกันว่า “กริชหัวนกพังกะ” (Keris Pekaka) ส่วนชาวมุสลิมในภาคใต้เรียกว่ากริชตะยง (Keris Tajong) เฉพาะกริชที่ด้ามไม่มีเคราใต้คางบางท้องถิ่นเรียกว่า กริชจอแต็ง ฝักกริชแบบปัตตานีมีรูปคล้ายเรือ ก้านฝักมีลักษณะป้อม-มน และยาวขนาน ฝักมี 2 แบบใหญ่แบบรุ่นเก่าทำจากไม้ชิ้นเดียวนำมาเจาะคว้านและเกลาจนเป็นฝักกริช แบบรุ่นหลังจะทำแบบนำเอาไม้มาต่อเข้าเดือยเป็นส่วน ๆ มีชนิด 2 ชิ้นก็มี 3 ชิ้นก็มี ฝักกริชรุ่นเก่านิยมทำจากไม้ประดู่หอม รุ่นหลังนิยมทำจากไม้แก้วดีปลี นิยมเคลือบเงาฝักกริชด้วยยางจากต้นชนวน ซึ่งเป็นไม้พื้นบ้าน ฝักกริชแบบปัตตานี ไม่นิยมสวมปลอกด้วยเงินหรือโลหะชนิดอื่น
|
|
กริชแบบแดแป๊ะ และ กริชแบบตะยงหรือปาแนซาฆะห์ ที่มา : สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. 2543,86 |
|
|