| เพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด”เพลงนี้สืบเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ                         มีพระราชประสงค์จะพระราชทานกำลังใจให้แก่บรรดาข้าราชการทหาร                         ตำรวจและพลเรือน มิให้ท้อถอยในการปฏิบัติหน้าที่ต่อชาติ บ้านเมือง                         จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค เขียนคำกลอนเตือนใจแล้วพิมพ์แจกเหล่าข้าราชการ                         ทหาร ตำรวจ และพลเรือน ต่อมาทรงกราบบังคมทูลขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว                         พระราชทานทำนองเพลง “ความฝันอันสูงสุด” จึงเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่มีการเขียนคำร้องก่อน                         แล้วทรงใส่ทำนองภายหลังเพลงนี้พระราชทานให้
 ม.ล.อัศนี ปราโมช เรียบเรียง เป็นเพลงที่                         ม.ล.อัศนี เรียกว่า Functional Music คือเนื้อเพลงมาก่อน แล้วเจาะจงเพื่อวัตถุประสงค์จำเพาะที่กำหนดไว้                         แตกต่างจากยุคเดิมซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ทำนองจากแรงบันดาลพระราชหฤทัยโดยตรง
 | 
  
    | ความฝันอันสูงสุดทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
 คำร้อง:        ท่านผู้หญิงมณีรัตน์        บุนนาค
 ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
 ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
 ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทนง
 จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
 จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
 จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
 จะปิดทองหลังองค์พระฏิมา
 ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
 ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
 ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
 ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
 | 
  
    |  | 
  
    | 
      
        | 
          
            
              | เพลงพระราชนิพนธ์ “เราสู้” เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองจากคำร้องเป็นเพลงที่                         2 ต่อจากเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” และคำร้องนี้ คือ พระราชดำรัสที่พระราชทานแก่สมาชิกสภานิติบัญญัติและคณะรัฐมนตรี                         ประกอบด้วย ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจซึ่งได้จัดแข่งขันฟุตบอลการกุศล                         และเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ต่อมานายสมภพ จันทรประภา                         ได้ขอพระราชทานพระราชดำรัสนี้ มาประพันธ์เป็นกลอนถวาย และได้พระราชทานให้เป็นของขวัญปีใหม่                         แก่ทหาร อาสาสมัครและตำรวจชายแดนเกร็ดการพระราชนิพนธ์เพลงนี้ นายแมนรัตน์เล่าว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว                         ทรงเป็นเสมือนนักประพันธ์เพลง หรือปราชญ์ของโลก คือทรงแต่งสดๆ                         เมื่อทรงเกิดแรงบันดาลพระราชหฤทัยขึ้นมา เช่น เพลงพระราชนิพนธ์                         “เราสู้” ทรงเขียนเส้นโน้ตห้าเส้น บนซองจดหมายแล้วทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงออกมาโดยฉับพลัน”ตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเสร็จใหม่ๆ   ได้พระราชทานให้ ม.ล.อัศนี                         ปราโมช เรียบเรียงและโปรดเกล้าฯ ให้วงดนตรี   อ.ส.วันศุกร์ บรรเลงก่อน                         ภายหลังจากที่ วง อ.ส.วันศุกร์ได้เล่นเพลงนี้แล้ว   ได้ทรงนำกลับไปแก้ไขและเรียบเรียงขึ้นใหม่ก่อนจะพระราชทานออกมาใหม่                         เพลงรุ่นหลังๆ   นี้มีพระราชประสงค์ให้นักดนตรีทุกคนมีส่วนเข้ามาช่วยกันแสดงความคิดเห็นปรับ  ปรุงแก้ไขทำนอง                         มีพระราชดำรัสว่า การแต่งแบบนี้เรียกว่า “การแต่งแบบสหกรณ์”
 
 |  |  
        |  |  | 
  
    |       บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ     ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้าเสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา       หน้าที่เรารักษาสืบไป
 ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า       จะได้มีพสุธาอาศัย
 อนาคตจะต้องมีประเทศไทย       มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
 ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น       จะสู้กันไม่หลบหนีหาย
 สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย        ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู
 บ้านเมืองเราเราต้องรักษา       อยากทำลายเชิญมาเราสู้
 เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู       เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว
 | 
  
    |  | 
  
    | 
      ในดวงใจนิรันดร์ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
 คำร้อง:  ดร.ประเสริฐ ณ นคร
 อยากลืมลืมรักลืมมิลงกลับพะวงหลงเพ้อเงา
 เปรียบปานเพลิงรักรุมสุมเศร้า
 เปลี่ยวเปล่าร้าวรอน
 แต่เพียงกาลเวลาอันหมุนเวียน
 ฤาอาจผลัดเปลี่ยนเบียนรักคลอน
 รสรักจากกรสอดสวมกร
 ยังถาวรติดเตือน
 เมื่อยามอาทิตย์สอดคล้อยต่ำ
 ย่ำยามท้องฟ้าเลือน
 ยังหวังเชยชิดกันฉันเพื่อน
 ติดเตือนตรึงใจ
 สุดประพันธ์บรรเลงให้ครบครัน
 วันอาจจะผ่านเวียนผันไป
 รักนั้นจะเนาแน่นแฟ้นใน
 ดวงใจนิรันดร์
 | 
  
    | เพลงพระราชนิพนธ์ “ในดวงใจนิรันดร์”                         “STILL ON MY MIND”เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่ส่งพระราชนิพนธ์คำร้องเป็นภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เอง                         เดิมทรงตั้งชื่อเพลงว่า “I Can’t Get You Out of My Mind”                         ต่อมาทรงเปลี่ยนเป็น “Still on My Mind” ส่วนคำร้องภาษาไทย                         โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์โดยแปลจากคำร้องภาษาอังกฤษในลักษณะวรรคต่อวรรค                         และรักษาความหมายเดิมของคำร้องภาษาอังกฤษซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ไว้ด้วย | 
  
    |  | 
  
    |  | 
  
    |   |