เทคนิคในการทำตัวหนังเจ้าหรือหนังครู
“หนังเจ้า” เป็นหนังครู เมื่อเป็นหนังครูก็ต้องมีกรรมวิธีพิเศษในการจัดหาหนังมาทำ หนังครูมีอยู่ด้วยกัน ๓ ตัว คือ ฤาษี ๑ พระอิศวร พระนารายณ์ ๑ ทศกัณฐ์ ๑ ดังบทไหว้ครู ทวยที่ ๑ บรรทัดสุดท้ายว่า “เบื้องซ้ายข้าไหว้ทศกัณฐ์ เบื้องขวาอภิวันท์ สมเด็จพระรามจักรี” ภาพพระฤาษี สลักเป็นภาพฤาษีถือไม้เท้าท่าทางเป็นคนแก่ ภาพพระอิศวร พระนารายณ์ เป็นภาพท่าแผลงศร เช่นเดียวกับภาพทศกัณฐ์จะเป็นภาพท่าแผลงศร ซึ่งเรียกกันว่า “หนังแผลง” หนังทั้งสามตัวใช้บูชาครูก่อนการแสดง เรียกขั้นตอนก่อนการแสดงนี้ว่า “เบิกหน้าพระ”
หนังพระอิศวรและพระนารายณ์ต้องทำจากหนังวัวที่ถูกเสือกัดตาย ถูกฟ้าผ่าตาย หรือออกลูกตาย ตายลักษณะนี้เรียกว่า โคตายพราย ส่วนตัวฤาษีจะต้องหาหนังที่มีอำนาจ เช่น หนังสือหนังหมี ซึ่งเชื่อถือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีตบะ มีพลังที่จะใช้ในการลงอักขระเลขยันต์ ให้มีเมตตามหานิยม
พิธีสลัก ผู้เขียนและผู้สลักต้องนุ่งขาวห่มขาว พร้อมทั้งมีสิ่งของบูชาครูด้วยเครื่องบัดพลี คือบายศรีปากชาม ๑ เครื่องกระยาบวด ๑ หัวหมู ๑ เงินค่ากำนลสองสลึงเฟื้อง ธูปเทียนบูชากรรมวิธีทำหนังเจ้า ทุกอย่างต้องทำให้เสร็จในวันเดียว เมื่อเสร็จแล้วใช้ไม้ที่พาดบนโลงศพมาถากเหลาขนาดที่เหลาไม้ไผ่ที่ใช้ทำตับหนัง เอามาประกบหน้าหลัง แล้วใช้หวานผูกติดกัน คงเหลือไม้ส่วนล่างไว้จับเชิดประมาณ ๕๐ เซนติเมตร การทำอย่างนี้เพื่อให้มีความขลังมากยิ่งขึ้น
ทางด้านดนตรี มี “ตะโพนครู” ใช้ในการบูชา ขึงหนังเสือหน้าหนึ่ง หนังหมีหน้าหนึ่ง หนังเสืออยู่ทางหน้าใหญ่ หนังหมีไว้หน้าเล็ก และพิธีประกอบครอบครูหนังใหญ่ โขน ละคร ตามประเพณีโบราณ ผู้ประกอบพิธีต้องนั่งบนขันสาคร ใช้หนังเสือปูรองขันสาครที่คว่ำลง แล้วจึงเอาหนังหมีมาปูบนขันสาคร สำหรับให้ผู้ครอบนั่งครอบบรรดาศิษย์ที่เข้ามารับการครอบ การครอบดังกล่าวเชื่อว่าจะเกิดความขลัง มีอานุภาพ มีความสำเร็จในการทำกิจการนั้น ๆ เป็นอย่างดี |