พิธีกรรมวันที่สอง

พิธีกรรมวันที่สอง  คือวันพฤหัสบดี  ถือว่าเป็นวันครู  เป็นวันประกอบพิธีใหญ่  มีการเซ่นไหว้ครู  แก้บนและจัดพิธีกรรมอื่น ๆ ในวันนี้เริ่มพิธีตั้งแต่ลงโรง กาศครู  เชิญครู  เช่นเดียวกับวันแรก  แล้วเชิญครูหมอโนรามาเข้าทรงถือเทียนลุกขึ้นร่ายรำตามเสียงเชิดของดนตรี  ตรวจดูเครื่องสังเวยบนศาล  จากนั้นลูกหลานจะเข้าไปกราบไหว้สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ ขอลาภขอพร  แล้วนัดแนะกับครูหมอโนราในเรื่องวันเวลาที่จะรำโรงครูในโอกาสต่อไป  สำหรับการรับเครื่องสังเวย  แล้วจะเอาเทียนนั้นจ่อเข้าปาก  หรืออมควันเทียน  เรียกว่า  “เสวยดอกไม้ไฟ”  เมื่อถึงเวลาจะออกจากร่างทรงดนตรีจะทำเพลงเชิด  คนทรงจะสะบัดตัวอย่างแรง  แล้วทุกอย่างกลับสู่อาการปรกติ  เรียกว่า  “บัดทรง”  ในวันนี้หากมีผู้มาขอทำพิธีครอบเทริด  โนราใหญ่และผู้ช่วยอีกสองคนจะแต่งตัวเป็นพิเศษ  เรียกว่า  “แต่งพอก”  ผู้เข้ารับการครอบเทริดก็จะต้องแต่งพอกด้วย  แต่ยังไม่ต้องสวมเทริด  การแต่งพอกจะนุ่งสนับเพลา  แล้วนุ่งผ้าลายตามแบบโนราเอาผ้าขาวมาผืนหนึ่งพับเข้าเป็นชั้น ๆ ตามจำนวนเทริดที่ตั้งบนพาไล  และจัดขนมพองลาให้ครบตามจำนวนชั้นผ้าที่พับเพื่อเซ่นไหว้ครูด้วย  ผ้าขาวแต่ละชั้นจะใส่หมาก  1  คำ  เทียน  1  เล่ม  เงิน  1  บาท  เมื่อพับและบรรจุแล้วก็นำมาพันไว้รอยสะเอว  แล้วเอาผ้าลายมาคลุมไว้ข้างหลังโดยมีผ้ารัด  และมีพอกห้อยสะเอวข้างละอัน  พอกนี้ใช้ฝ้าเช็ดหน้าห่อหมาก  1  คำ  เทียน  1  เล่ม  เงิน  1  บาท  ผูกเป็นช่อไว้  จากนั้นจึงนุ่งผ้าลาย  แล้วใส่ผ้าห้อยหน้า  หางหงส์  เครื่องลูกปัด  และสวมเทริด  เพื่อทำพิธีต่อไป
    

               สำหรับพิธีกรรมในวันที่สองนี้มีหลายอย่างได้แก
        1. การเซ่นไหว้ครูหมอโนราหรือตายายโนรา  หลังจากร้องบทเชิญครูแล้ว  เจ้าภาพ
ชาวบ้าน  หรือลูกหลานตายายโนราที่บนบานและสัญญาเอาไว้ว่าจะแก้บนด้วยสิ่งของ  ไม่ว่าจะเป็นของคาวหวาน  วัตถุเครื่องใช้หรือเครื่องแต่งตัวโนรา  ก็จะนำมาส่งมอบให้กับโนราใหญ่พร้อมพานดอกไม้ธูปเทียน  และเงินทำบุญที่เรียกว่า  “เงินชาตายาย”  ตามที่ได้บนเอาไว้  หรือตามกำลังศรัทธา  จากนั้นจุดเทียนที่เครื่องสังเวย  เทียนบนยอดเทริด  เทียนบนศาลหรือพาไลเทียนครูที่ท้องโรง  เทียนเครื่องสังเวย  และเทียนหน้าหิ้งบูชาครูหมอโนราบนบ้านเจ้าภาพ  โนราใหญ่และผู้ร่วมพิธียกพานดอกไม้ธูปเทียนขึ้นบูชา  จับสายสิญจน์พร้อมกัน  โนราใหญ่กล่าวนำบูชาพระรัตนตรัย  กล่าวชุมนุมเทวดา  กล่าวชุมนุมครูหมอ  กล่าวคำแก้บน  เซ่นไหว้  และเชื้อเชิญครูหมอโนรามารับเครื่องสังเวย  และอวยพรแก่ลูกหลาน  โนราใหญ่กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลไปให้ครูหมอโนราหรือตายายโนรา  แล้วนำเอาหมากพลูมาบริกรรมคาถามอบให้ผู้มาแก้บนทุกคน ๆ ละ  1  คำ  นำไปกินเพื่อความเป็นสิริมงคล  เรียกหมากนี้ว่า  ไหมากจุกอก”  เสร็จพิธีเซ่นไหว้และแก้บนด้วยสิ่งของแล้วโนราทั่วไปจะรำถวายครู
          2. การรำสอดเครื่อง  สอดกำไล  และพิธีตัดจุก  หลังจากโนราทั่วไปรำถวายครูแล้วก็จะ  “รำสอดกำไล”  หรือ  “สอดไหมฺร”  เพื่อรับศิษย์เข้าฝึกการรำโนรา  โดยผู้ปกครองจะนำบุตรหลานพร้อมพานดอกไม้ธูปเทียนและเงิน  12  บาท ไปกราบครูโนรา  โนราใหญ่รับมอบเครื่องบูชาแล้วสอบถามเพื่อยืนยันความสมัครใจและคำยินยอมจากผู้ปกครอง  จากนั้นนำกำไลมาสวมมือให้ประมาณ  3  วง  แล้วจับมือทั้งสองของเด็กยกขึ้นตั้งวงเพื่อเอาเคล็ดในการรำ  ส่วนการรำสอดเครื่องหรือที่เรียกว่า  “จำผ้า”  ผู้เข้าพิธีต้องจัดพานดอกไม้ธูปเทียนและเงิน  12  บาทไปกราบครูโนรา  เมื่อได้รับการยืนยันถึงความสมัครใจแล้ว  โนราใหญ่จะรดน้ำมนตร์  เสกเป่าด้วยคาถา  แล้วมอบเครื่องแต่งตัวโนราที่เรียกว่า  “เครื่องต้น”  ให้ผุ้เข้าทำพิธีไปแต่งตัว  แล้วออกมารำถวายครู  โดยรำบทครูสอน  บทสอนรำ  ตามเวลาอันสมควร  เป็นเสร็จพิธี  จากนั้นจึงทำพิธีตัดจุก  โดยผู้ปกครองนำพานดอกไม้ธูปเทียน  เงิน  12  บาท  มามอบให้โนราใหญ่พร้อมกับตัวเด็ก  คณะโนราจะให้เด็กนั่งลงบนผ้าขาว  โนราใหญ่และครูหมอโนราองค์สำคัญ ๆ ในร่างทรง เช่น  พระม่วงทอง  ขุนศรีศรัทธา  ทำพิธีร่ายรำถือไม้หวายเฆี่ยนพรายและกริช  พร้อมกับนำน้ำมนตร์มาประพรมที่ศีรษะเด็กเอามือจับที่จุกของเด็ก  บริกรรมคาถา  ดนตรีเชิด  จากนั้นจึงใช้กริชตัดจุกของเด็กพอเป็นพิธี  เสร็จแล้วประพรมน้ำมนตร์อีกครั้ง  ส่งตัวเด็กให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองพาเด็กไปตัดหรือโกนผมจริงต่อไป
                3. พิธีครอบเทริดหรือผูกผ้าใหญ่  ทำหลังจากพิธีตัดจุกแล้ว  หากผู้เข้าพิธียังไม่เคยตัดจุก  จะตัองทำพิธีตัดจุกก่อน  และต้องมีอายุครบ  22  ปี  เป็นโสด  หากแต่งงานมาแล้วต้องทำใบหย่าร้าง  โดยสมมุติกับภรรยา  เพื่อมิให้  “ปราชิก”  ผิดกฎสำหรับโนราไม่ได้  ในอดีตเมื่อครอบเทริดแล้วต้องไปรำ  “สามวัดสามบ้าน”  แล้วจึงมาเข้าพิธีอุปสมบทจึงจะถือว่าเป็นโนราโดยสมบูรณ์  แต่ในปัจจุบันสามารถอุปสมบทได้
 
PREVIOUS >>> NEXT