ธรรมเนียมนิยมในการเล่นเพลงเรือแหลมโพธิ์
ในการเริ่มต้นเล่นเพลงเรือแหลมโพธิ์ มีธรรมเนียมนิยมอย่างหนึ่งคือ การขึ้นต้นกลอนแรกของเพลง
ต้องขึ้นต้นด้วยคำว่า “ขึ้นข้อ....” ในความว่า “ขึ้นข้อต่อกล่าว” ซึ่งพบมากที่สุด เช่น
ขึ้นข้อต่อกล่าวเรื่องราวลากพระ (เพลงกล่อมเรือลากพระ)
ขึ้นข้อต่อกล่าวเรื่องสาวสมัย (เพลงสาวสมัย)
ขึ้นข้อต่อกล่าวเรื่องเท้าแก้แลน (เพลงเท้าแก้แลน)
ฯลฯ ฯลฯ
คำขึ้นต้นด้วย “ขึ้นข้อ....” อย่างอื่นก็ยังมีอีก เช่น “ขึ้นข้ออธิบาย” และ “ขึ้นข้อต่อไป” เป็นต้น และมีบ้างที่ขึ้นต้นด้วยถ้อยความอื่นที่มีความหมายทำนอง “ขึ้นข้อ....” คือคำว่า “ยกข้อ....” ซึ่งก็ได้แก่
ยกข้อต่อกล่าวไอ้สาวขายหม้อ (เพลงสาวขายหม้อ)
ยกข้อขึ้นข้อถึงหมอเมืองนอก (เพลงฉีดยา)
ยกข้อต่อกลอนเป็นสุนทรเพลงยาว (เพลงชมสาว)
ยกข้อตั้งข้อขอนาระพัน (เพลงพันทอง)
ฯลฯ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การขึ้นต้นวรรคแรกด้วยคำดังกล่าวมาแล้วก็ไม่ใช่เป็นเรื่องแคร่งครัดเป็นแต่เพียงเป็น
สิ่งที่พึงสังเกตไว้เท่านั้น เพลงส่วนใหญ่ที่ขึ้นต้นด้วยความอย่างอื่นตามใจผู้แต่งเพลงมีเป็นอันมาก
และอีกประการหนึ่ง ในการศึกษาเพลงเรือแหลมโพธิ์ จากแม่เพลงหมู่ที่ ๓ ตำบลแม่ทอม พบว่า
เพลงของนายไข่ สุขสวัสดิ์ แม่เพลงต้องตั้ง “อีโหย้” ๓ ครั้ง คือ “โห่ ๓ ลา” ก่อนที่จะเริ่มต้นเพลง
ซึ่งลูกคู่จะรับว่า ฮิ้ว ดังนี้
“อีโหย้........................” (ลูกคู่รับ) “ฮิ้ว”
“อีโหย้........................” (ลูกคู่รับ) “ฮิ้ว”
“อีโหย้.........................” (ลูกคู่รับ) “ฮิ้ว”
ในขณะที่เพลงของนายบุญสุข ช่วยชูสกุล และแม่เพลงจากหมู่ที่ ๓ บ้านแหลมโพธิ์ ตำบลคูเต่า
นายเชือน แก้วประกอบ และนายพัน โสภิกุล ใช้ “อีโหย้” ต่อเมื่อจบเพลงเท่านั้น ดังนั้นเพลงกล่อมสาว
ของนายบุญสุข ช่วยชูสกุล ที่จบลงว่า
“อีโหย้..........................” (ลูกคู่รับ) “ฮิ้ว” ( ๓ ครั้ง )
อย่างไรก็ตาม เรื่องการตั้ง “อีโหย้” ไม่ว่าตอนเริ่มเพลเรือจบเพลงก็ไม่ใช่เรื่องเคร่งครัดเช่นเดียวกัน
- ในการเล่นเพลงเรือแหลมโพธิ์บางเพลง โดยเฉพาะเพลงทำนองเสียดสีและตลกขบขัน ในคณะมักจะแต่งชุดทำนองแฟนซีหรือชุดตลกขบขันประกอบการเล่นเพลงด้วยการแต่งทำนองแฟนซ
ีหรือชุดตลกขบขันประกอบการเล่นเพลงนี้ บางทีแม่เพลงแต่งเสียเองบางทีลูกคู่คนหนึ่งคนใดแต่ง ก็มีเหมือนกันที่เอาคนอื่นที่ไม่ใช่ทั้งแม่เพลงและลูกคู่เข้ามาแต่งประกอบ และบางทีก็เอาสัตว์ มาเข้าฉากประกอบเพลงดูเป็นการทรมานสัตว์ไปก็มี การเล่นสนุกสนานแบบนี้จะมีเล่นกันบนแหลมโพธิ์
ในวันชักพระเท่านั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสังข์ ไชยพูล ได้เล่าให้ฟังประกอบเพลง “เท้าเก้าแลน” ว่า
“เมื่อก่อน ถ้าอีก ๒-๓ วันจะถึงวันชักพระเกิดผมหาแลนเป็น ๆ ได้สักตัวก็จะผูกไว้ เอาไปด้วยในวันชักพระ เที่ยวเดินจูงแลนว่าเพลงกันเป็นที่สนุก”
นายวร ชูสกุล ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้เล่าถึงเรื่องการแต่งชุดตลกประกอลการเล่นเพลง “ฉีดยา” ซึ่งนอกจากเป็นเพลงตลกขบขันแล้วยังสะท้อนภาพสังคมให้เห็นเป็นอย่างดีด้วยว่า “ปีนั้นผมแต่งเป็นหมอ ถือเข็มฉีดยาอันโตทำด้วยกระบอกไม้ไผ่ เดินตามหลังลูกคู่ที่เข็นรถเข็นซึ่งมีคนซึ่งสมมติว่าเป็นคนป่วยนอนอยู่ วันนั้นที่แหลมโพธิ์คนเขาดูผมกันทั้งนั้น”๙ และนายวร ชูสกุลนี่เอง ที่แหลมโพธิ์ เมื่อวันชักพระปี พ.ศ. ๒๕๒๗
ได้แต่งเพลง “พรหมสามหน้า” เป็นแม่เพลงเอง แต่งชุดตลกประกอบ โดยเอาลูกคู่ ๓ คนนั่งขัดสมาธิหันหลังเข้าหากันสมมติแทนก้อนเส้าซึ่งเป็นปริศนาของเพลง “พรหมสามหน้า”
(ซึ่งปกติพรหมนั้นต้องมีสี่หน้า) มีลูกคู่คนอื่น ๆ เป็นผู้ช่วยแบกกระทะกับไกชำแหละแล้วถอนขนเรียบร้อย ๑ ตัว
ใช้ประกอบการแสดง คราวนั้นคณะนายวรไม่ได้เดินว่าเพลง แต่จะมีการเคลื่อนย้ายไปว่าเพลงเป็นจุด ๆ
ตั้งแต่ ๑๐.๐๐ น. จนกระทั่ง ๑๕.๐๐ น. เรียกความสนใจจากผู้ที่มาเที่ยวแหลมโพธิ์เป็นอันมาก |