ประเภทของการเชิดสิงโต 
สำนักเชิดสิงโตนั้นมีสองสำนักคือ สำนักเชิดสิงโตเหนือ และสำนักเชิดสิงโตใต้

      การเชิดสิงโตแบบเหนือ โดยทั่วไปจะเชิดเพื่อความบันเทิงในราชสำนัก โดยปกติแล้วสิงโตเหนือจะมีสีแดง ส้ม และเหลือง (และบางครั้งก็มีขนสีเขียวสำหรับสิงโตตัวเมีย) ลำตัวมีขนยาวรุงรัง และมีหัวสีทอง การเชิดสิงโตแบบเหนือจะมีลักษณะเป็นกายกรรม และใช้แสดงเพื่อความสนุกสนานเป็นหลัก 
      การเชิดสิงโตแบบทางตอนใต้ จะออกมาในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า โดยทั่วไปจะแสดงในพิธีกรรมเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย และเรียกโชคลาภมาให้ สิงโตใต้จะมีสีที่หลากหลาย รวมทั้งส่วนหัวที่มีลักษณะเฉพาะและมีดวงตาใหญ่ มีกระจกบนหน้าผาก และที่กลางศีรษะมีเขาหนึ่งเขา ถิ่นกำเนิดของสิงโตใต้อยู่ที่มณฑลกวางตุ้ง เชื่อกันว่าสิงโตมีเขาของทางใต้ก็คือปีศาจเหนียน

                     

โฝซาน คือชื่อเรียกรูปแบบที่สำนักกังฟูหลายแห่งนำมาใช้ ซึ่งเป็นแบบที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวอันทรงพลัง และท่วงท่าที่แข็งแกร่ง สิงโตจึงกลายเป็นตัวแทนของสำนักกังฟู และจะมีแต่ศิษย์ที่มีฝีมือในระดับสูงเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เชิดสิงโตได้
สิงโตสามประเภทที่มีชื่อเสียงก็คือ เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ทั้งสามนี้คือ ตัวละครในประวัติศาสตร์จีนที่บันทึกไว้อยู่ในวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง “สามก๊ก” นั่นเอง เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย เป็นพี่น้องร่วมสาบานที่ได้ให้ปฏิญาณร่วมกันว่าจะกอบกู้ราชวงศ์ฮั่น
สิงโตเล่าปี่ เป็นผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง มีใบหน้าสีทอง พร้อมกับเคราและขนสีขาว เพื่อสื่อถึงความเฉลียวฉลาด ส่วนหางนั้นมีหลายสีซึ่งรวมสีของธาตุทั้งห้าเอาไว้ เพื่อสื่อถึงการมีอำนาจควบคุมธาตุทั้งห้า
สิงโตกวนอู มีใบหน้าสีแดง ขนสีดำ และมีเครายาวสีดำ ส่วนหางมีสีแดงขลิบดำ กวนอูเป็นน้องคนรองและจะสวมเหรียญสองเหรียญไว้ที่ปลอกคอ สิงโตประเภทนี้รู้จักในชื่อว่า “สิ่ง ซือ” ซึ่งมีความหมายว่า “สิงโตผู้ตื่นตัว” โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะนิยมใช้สิงโตกวนอูกันมากที่สุด

สิงโตเตียวหุย มีใบหน้าสีดำ และมีเคราสั้นสีดำ ที่หูทั้งสองข้างประดับดอกไม้ และมีขนสีดำ หางสีดำขลิบขาว เนื่องจากเป็นน้องคนเล็กสุด จึงมีเหรียญหนึ่งเหรียญติดที่ปลอกคอ สิงโตเตียวหุยถือว่าเป็นสิงโตนักสู้ เพราะเตียวหุยเป็นคนมุทะลุ ใจร้อน และรักการต่อสู้ สิงโตประเภทนี้เป็นสิงโตในดวงใจสำหรับนักธุรกิจ
ต่อมาก็มีสิงโตอีกสามแบบเพิ่มเข้ามา สิงโตหน้าเขียวคือ ตัวแทนของจูล่ง (เจ้าจื่อหลง) สิงโตตัวนี้ถูกเรียกว่าสิงโตวีรบุรุษ เพราะว่ากันว่าเขาเป็นผู้ที่ขี่ม้าฝ่ากองทหารนับพันของโจโฉเข้าไปช่วยเหลือบุตรของเล่าปี่ และต่อสู้กลับออกมา
สิงโตสีเหลืองแทนฮองตง (หรือหวงจง) ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นสิงโตนักสู้ยอดคุณธรรม

สิงโตขาวคือ ม้าเฉียว (หรือหม่าเฉา) สิงโตตัวนี้ยังรู้จักในชื่อว่าสิงโตงานศพ สิงโตประเภทนี้จะไม่นำมาเชิด ยกเว้นสำหรับพิธีศพของอาจารย์ (ซือฟู) หรือหัวหน้าคนสำคัญของคณะ ซึ่งในกรณีเหล่านี้ ก็จะทำการเผาสิงโตหลังจากเสร็จพิธี  ปัจจุบันผู้คนจะชื่นชอบการเชิดสิงโตสีทอง หรือสีเงินมากกว่า เพราะสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่ง
        

กีฬาการเชิดสิงโต
ทุกวันนี้การเชิดสิงโตได้พัฒนากลายเป็นรูปแบบของการกีฬา ที่ผู้เชิดจากทั่วโลกมาแข่งขันกันเพื่อตัดสินความเป็นที่หนึ่ง การเชิดสิงโตนำมาซึ่งการสอดประสานที่สมบูรณ์แบบ ความสง่างาม และความกล้าหาญ โดยทั่วไปแล้วคนเชิดทั้งสองจะต้องทำให้ “สิงโต” มีชีวิต คนหนึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนหัว ตา และปาก ส่วนอีกคนหนึ่งแสดงท่วงท่าของร่างกาย คนเชิดคนแรกที่ควบคุมส่วนหัวจะเป็นผู้ตัดสินการเคลื่อนไหว ในขณะที่คนที่สองจะต้องเคลื่อนไหวให้ประสานกับคนแรก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะหัวสิงโตซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยพู่ ขน และสิ่งตกแต่งที่แวววาวนั้น มีน้ำหนักตั้งแต่ 9 ถึง 15 กิโลกรัม ซึ่งเป็นภาระที่หนักมากที่จะเชิดให้สูงขึ้นไปบนอากาศ พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา

หัวสิงโตโดยทั่วไปแล้วเป็นงานปะกระดาษเปเปอร์มาเช่และไม้ไผ่ เข้ารูปเสร็จสมบูรณ์พร้อมกับดวงตาที่กะพริบได้ และปากที่หุบงับได้ ดังนั้น คนเชิดคนแรกจะต้องสามารถควบคุมให้เกิดความสอดประสานที่สมบูรณ์แบบพร้อมๆ กับรับน้ำหนักของหัวสิงโตไว้ด้วยมือของตัวเอง

 
<<< PREVIOUS      NEXT >>>