ผ้ากาสาวพัสตร์ ใช้เรียกรวมหายถึงผ้านุ่งห่มของพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาอันได้แก่ผ้า 3 ผืนหลักคือ สบง จีวร และสังฆาฏิ หรือเรียกในความหมายรวมกันว่าผ้าจีวร ถ้าจะแปรตามตัวกาสาวพัสตร์ แปลว่าผ้าย้อมฝาดในสมัยพุทธกาลไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าผ้าจีวรเป็นสีอย่างไร แต่กล่าวว่าเป็นผ้าย้อมฝาด น้ำฝาดมาจากวัสดุธรรมชาติที่กำหนดไว้ ๖ อย่างคือ เหง้ารากไม้ ต้นหรือแก่นไม้ เปลือกไม้ ใบไม้ ดอกไม้และผลไม้ ผ้าที่ย้อมฝาดคงจะมีสีเหลืองหม่นหรือสีน้ำตาลอมแดงที่เรียกว่า สีกรัก สีดังกล่าวเป็นสี่ที่ดูสุภาพเหมาะสำหรับเป็นผ้านุ่งห่มของพระสมณะ
ในระยะแรกนั้น พระพุทธเจ้าทรงยังไม่อนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์รับจีวรซึ่งฆราวาส
ตัดเย็บถวายพระภิกษุต้องแสวงหาผ้ามาทำจีวรเอง ซึ่งได้แก่ผ้าที่คนทั่วไปทิ้งแล้ว
หรือผ้าไม่มีเจ้าของ ทิ้งอยู่ตามถนนหนทางหรือได้จากผ้าห่อศพผ้าเหล่านี้เรียกว่า
ผ้าบังสุกุล เมื่อได้ผ้ามาแล้วก็นำมาซักล้างให้สะอาดย้อมด้วยฝาดและเย็บต่อกันเป็นผืน
พระภิกษุครั้งพุทธกาลจึงต้องตัดเย็บจีวรเองเป็น ทั้งถือเป็นกรณียกิจสำคัญที่
พระภิกษุจะต้องช่วยเหลือกันและกันในการตัดเย็บจีวร ขณะนั้นแม้พระพุทธองค์
ก็เคยประทับเป็นประธานในการจัดทำจีวร และทรงใช้ผ้าจีวรจากผ้าบังสุกุลเช่น
พระภิกษุอื่น กาลต่อมาจำนวนพระภิกษุสงฆ์เพิ่มขึ้น การแสวงหาผ้าทำจีวร
ค่อนข้างลำบาก พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์รับจีวรซึ่งมีผู้
จัดทำถวายได้ เรียกว่า คหบดีจีวร มีเรื่องเล่าว่า หมอชีวกโกมารภัจ
หมอหลวงประจำราชสำนักของพระเจ้าพิมพิสาร แห่งแคว้นมคธ ซึ่งเป็นหมอประจำ
พระพุทธเจ้าและพระสาวกด้วย เป็นผู้ทูลขออนุญาต โดยทูลขอขณะเมื่อเข้า
เฝ้าพระพุทธเจ้า ณ ชีวกัมวราราม พระพุทธเจ้าได้ทรงตริตรองแล้วไม่เห็นโทษ
ก็โปรดประธานอนุญาต นับแต่นั้นมาคนทั้งหลายก็สามารถนำผ้าจีวรมาถวาย
พระได้โดยตรง ถือว่าเป็นคหบดีจีวร
|