ประโยชน์
การนำผ้ามาตัดต่อกันเป็นจีวรนี้มีประโยชน์  ๓  ประการ
๑.ทำให้เป็นผ้าอันเศร้าหมองด้อยราคา  สมควรแก่ภาวะของภิกษุ
๒.ให้เห็นว่าเป็นเครื่องหมายของภิกษุ  และป้องกันมิให้ดัดแปลงสี
    และรูปแบบนำไปใช้อย่างฆราวาส
๓.ป้องกันไม่ให้ผู้โจรกรรมเอาไปใช้ประโยชน์อื่น
ขนาดของผ้าจีวรในระยะแรกๆ  ไม่มีกำหนดแน่นอนคงจะถือตามขนาดร่างกาย
เล็กใหญ่ของภิกษุและตามจำนวนที่ผ้าหาได้  ในพระปาฏิโมกข์สิขาบทที่  ๑๐
 แห่งรัตนวรรค  ปาจิตติยภัณฑ์  กำหนดว่ากว้าง  ๖  คืบ  พระสุคต  ยาว  ๙  คืบ
 พระสุคต  ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส  ทรงอธิบายว่า
ไม่ควรยาวเกิน  ๖  ศอก  กว้างไม้เกิน  ๔  ศอก  แต่จะลดลงได้อีกตามขนาดของผู้ใช้
  คือถ้าเป็นจีวรของสามเณรก็ลดขนาดลงได้อีก
    การนุ่งห่มหรือการครองผ้าของพระมีหลักเกณฑ์วางไว้กว้างๆ  ว่า  ต้องนุ่งห่ม
ให้เป็นปริมณฑลคือนุ่งห่มให้มิดชิดเรียบร้อย  ได้แก่นุ่งปิดสะดือ  ยาวปกเข่า
  และชายผ้าเสมอกันเวลาอยู่วัดหรือทำสังฆกรรมให้ห่มเปิดไหล่  ถ้าบิณฑบาตหรือ
เข้าบ้านราษฎรต้องคลุมสองบ่า  การครองผ้าของพระสงฆ์แทบทุกวันมีธรรมเนียมว่า
เวลาเช้ามืดประมาณ  ๔  นาฬิกาเศษเมื่อทางวัดตีระฆัง  ๓  ลา  ให้พระบวชใหม่ลุกขึ้น
ครองผ้าทำวัตรสวดมนต์โดยการห่มดอง  คือจีบผ้าเข้าหากัน  แล้วคลี่ออกพอพันตัว
ปิดข้างขวาไว้  ส่วนข้างซ้ายตวัดผ้าที่จีบขึ้นตั้งบนบ่าเบื้องซ้ายที่เปิดช่องไว้
 ชายผ้าที่จีบจะคลุมลงมาปิดข้อศอกเบื้องซ้าย  จากนั้นนำผ้าสังฆาฏิขึ้นพาดทับบนบ่าซ้าย
แล้วรัดด้วยรัดประคตอกตรงใต้ลิ้นปี่ลงมา  สอดชายผ้ารัดประคตให้ห้อยลงทางซ้าย
หรือขวาตามแต่ถนัด  หลังจากสวดมนต์ทำวัตรแล้วก็เปลี่ยนครองผ้าใหม่เพื่อออกบิณฑบาต
  โดยเปลี่ยนเป็นห่มคลุมบาตรมีสายโยคคล้องไว้กับบ่าขวาอยู่ภายใต้จีวร
  หรือบางวัดก็ห่มแหวก  อุ้มบาตรไว้ตรงหน้าท้องสุดแต่ความนิยมของแต่ละสำนัก


   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
     
 
next
                 ความหมาย                        ประเภทของผ้า                          ประโยชน์