๒.  ศิล  คือ  ความประพฤติที่ดีงาม  ตามหลังศาสนาของตน  อย่างน้อยก็ขอให้เรา
ได้ปฏิบัติตามศีล ๕ คือ  ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  ไม่ลักขโมยของของผู้อื่น 
ไม่ล่วงละเมิดลูกเมียเขาไม่พูดโกหก หรือพูดส่อเสียดยุยงให้คนเขาทะเลาะเบาะแว้งกัน
และควรทำตนให้ห่างไกลจากเหล้า  บุหรี่  หรืออบายมุขต่าง ๆ  เพราะสิ่งเหล่านี้
นอกจากจะทำให้เราเสียเงินแล้ว  ยังเสียสุขภาพและใจ  ทั้งของตัวเราเองและ
คนใกล้ชิดเราด้วย
  ๓.  ปริจจาคะ  คือ  ความเสียสละ  หมายถึง  การเสียสละความสุขส่วนตน
เพื่อความสุขหรือประโยชน์ของส่วนรวม  ซึ่งอาจจะเป็นครอบครัว  หน่วยงาน
 หรือเพื่อนร่วมงานของเราก็ได้  เช่น  ครอบครัว  พ่อบ้านเสียสละความสุขส่วนตัว
ด้วยการเลิกดื่มเหล้าทำให้ลูกเมียมีความสุข  และเพื่อนบ้านก็สุขด้วย
  เพราะไม่ต้องฟังเสียงอาละวาด  ด่าทอทุบตีกัน หรือเราอาจจะเสียสละเวลาอยู่เย็น
ช่วยเพื่อนทำงาน  หรือไปเข้าค่ายพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเด็กในสถาน
เลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นครั้งคราว  หรือเสียสละร่างกาย/อวัยวะหลังตาย
แล้วเพื่อการศึกษา  เป็นต้น  ซึ่งการเสียสละดังกล่าวถือว่าได้บุญมาก
 เพราะมิใช่จะสละกันได้ง่าย ๆ  โดยทั่วไปการเสียสละไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม
 ถือเป็นการลดความเห็นแก่ตัวซึ่งล้วนมีส่วนช่วยให้สังคมดีขึ้นทั้งสิ้น

  ๔.  อารชชวะ  คือ  ความซื่อตรง  หมายถึง  ดำเนินชีวิตและ
ปฏิบัติภารกิจ/หน้าที่การงานต่าง ๆ  ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่คิดคดโกง
หรือหลอกลวงผู้อื่น เช่น ถ้าเราขายของ ก็ไม่เอาของไม่มีไปหลอกขายลูกค้า
 เป็นข้าราชการ  พนักงานบริษัทห้างร้าน  ก็ไม่คอรัปชั่นทั้งเวลา ทรัพย์สิน
ของหน่วยงานตน  เพราะถ้าทุกคนเอาเปรียบหรือโกงกิน นอกจากจะทำให้
หน่วยงานเราไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของผู้เกี่ยวข้องแล้วในระยะยาวอาจทำให้
หน่วยงานเราล้ม  ผู้ที่เดือดร้อนก็คือเรา  แม้เราจะได้ทรัพย์สินไปมากมาย 
แต่เงินบาปที่ได้ก็จะเป็นสิ่งอัปมงคลที่ทำให้เราไม่เจริญก้าวหน้า 
ถูกคนรุมสาปแช่ง  และแม้คนอื่นจะไม่รู้  แต่ตัวเราย่อมรู้อยู่แก่ใจ 
และไม่มีวันจะมีความสุขกาย  สบายใจ  เพราะกลัวคนอื่นจะมารู้ความลับ
ตลอดเวลา  ผู้ที่ปะพฤติตนด้วยความซื่อตรงแม้ไม่ร่ำรวยเงินทอง  แต่จะมั่งคั่ง
ด้วยความเป็นมิตรที่จริงใจตายก็ตายตาหลับ  ลูกหลานก็ภาคภูมิใจ 
เพราะไม่ต้องแบกรับความอับอายที่มีบรรพบุรุษขี้โกง

   
       
       
     
HOME              MAIN
ความหมาย
หลักราชธรรม ๑๐
สาระ