ที่มา : นววรรณ  พันธุเมธา. 2551,26.

      การทอดกฐิน  ถือเป็นงานบุญที่ได้มีการสืบทอดและปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล 
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ทรงอนุญาตและบัญญัติไว้เป็นวินัยสงฆ์ว่าให้ปฏิบัติโดยมี
กำหนดเวลาตามจันทรคติ  ตั้งแต่วันแรม  ๑ ค่ำ  เดือน  ๑๑  จนถึงวันขึ้น  ๑๕ ค่ำ  เดือน  ๑๒ 
รวมระยะเวลา  ๑  เ ดือน  หลังจากออกพรรษาแล้ว  จากตำนานของการทอดกฐินครั้ง
พุทธกาลมีเรื่องเล่าไว้ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก  กฐินขันธกะว่า  ครั้งหนึ่งภิกษุชาวเมืองปาฐา
ประมาณ  ๓๐  รูป  ถือธุดงควัตรอย่างยิ่งยวด  มีความประสงค์จะเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้น
ประทับอยู่กรุงสาวัตถี  แคว้นโกศล  จึงพากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองนั้น  พอถึง
เมืองสาเกตซึ่งอยู่ห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ  ๖  โยชน์  ก็เป็นวันเข้าพรรษาพอดีเดินทาง
ต่อไปมิได้ต้องจำพรรษาอยู่ที่เมืองสาเกตตามพระวินัยบัญญัติ  ขณะที่จำพรรษาอยู่ 
ณ เมืองสาเกต  เกิดความร้อนรนอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง  ดังนั้นพอออกพรรษา
ปวารณาแล้วรีบเดินทาง  แต่ระยะนั้นยังมีฝนตกมากหนทางที่เดินชุ่มไปด้วยน้ำเป็น
โคลนตม  ต้องบุกเข้ามาจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี  ได้เข้าเฝ้าสมความประสงค์
 พระพุทธเจ้าจึงมีปฏิสันถารกับภิกษุเหล่านั้นถึงเรื่องการจำพรรษาอยู่  ณ เมืองสาเกต
และการเดินทาง  ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลถึงความตั้งใจ  ความร้อนรนและการเดินทาง
ที่ลำบากให้ทรงทราบทุกประการ  พระพุทธเจ้าทรงทราบและเห็นความลำบากของภิกษุ 
จึงทรงยกเป็นเหตุและมีพระพุทธานุญาตให้พระภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วน
แล้วกรานกฐินได้  (การลาดหรือทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบเพื่อตัดเย็บย้อมทำเป็น
จีวรผืนใดผืนหนึ่ง)  และเมื่อกรานกฐินแล้ว  จะได้รับอานิสงส์บางข้อตามพระวินัยต่อไป

     Home      Main           ความหมาย              ความเป็นมา              ประเภท               วิธีการทอดจุลกฐิน                      อานิสงส์