|       การทอดกฐิน   ถือเป็นงานบุญที่ได้มีการสืบทอดและปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล  สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ทรงอนุญาตและบัญญัติไว้เป็นวินัยสงฆ์ว่าให้ปฏิบัติโดยมี
 กำหนดเวลาตามจันทรคติ  ตั้งแต่วันแรม  ๑ ค่ำ   เดือน  ๑๑  จนถึงวันขึ้น   ๑๕ ค่ำ  เดือน  ๑๒
 รวมระยะเวลา  ๑  เ ดือน   หลังจากออกพรรษาแล้ว   จากตำนานของการทอดกฐินครั้ง
 พุทธกาลมีเรื่องเล่าไว้ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก   กฐินขันธกะว่า   ครั้งหนึ่งภิกษุชาวเมืองปาฐา
 ประมาณ  ๓๐  รูป   ถือธุดงควัตรอย่างยิ่งยวด   มีความประสงค์จะเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้น
 ประทับอยู่กรุงสาวัตถี  แคว้นโกศล  จึงพากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองนั้น  พอถึง
 เมืองสาเกตซึ่งอยู่ห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ   ๖  โยชน์  ก็เป็นวันเข้าพรรษาพอดีเดินทาง
 ต่อไปมิได้ต้องจำพรรษาอยู่ที่เมืองสาเกตตามพระวินัยบัญญัติ  ขณะที่จำพรรษาอยู่
 ณ เมืองสาเกต   เกิดความร้อนรนอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง  ดังนั้นพอออกพรรษา
 ปวารณาแล้วรีบเดินทาง   แต่ระยะนั้นยังมีฝนตกมากหนทางที่เดินชุ่มไปด้วยน้ำเป็น
 โคลนตม   ต้องบุกเข้ามาจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี   ได้เข้าเฝ้าสมความประสงค์
 พระพุทธเจ้าจึงมีปฏิสันถารกับภิกษุเหล่านั้นถึงเรื่องการจำพรรษาอยู่  ณ เมืองสาเกต
 และการเดินทาง   ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลถึงความตั้งใจ   ความร้อนรนและการเดินทาง
 ที่ลำบากให้ทรงทราบทุกประการ   พระพุทธเจ้าทรงทราบและเห็นความลำบากของภิกษุ
 จึงทรงยกเป็นเหตุและมีพระพุทธานุญาตให้พระภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วน
 แล้วกรานกฐินได้   (การลาดหรือทาบผ้าลงไปกับกรอบไม้แม่แบบเพื่อตัดเย็บย้อมทำเป็น
 จีวรผืนใดผืนหนึ่ง)   และเมื่อกรานกฐินแล้ว   จะได้รับอานิสงส์บางข้อตามพระวินัยต่อไป
 |