สำหรับตำนานประเพณีจุลกฐินนั้น เริ่มจากในสมัยพุทธกาลครั้งที่องค์พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเขตวันมหาวิหารทรงเห็นด้วยพระพุทธญาณว่า
พระอนุรุทธมีจีวรอันเก่าขาดใช้การเกือบไม่ได้และก็เป็นเวลาที่จวนจะสิ้นสุด
กฐินกาลแล้ว จึงรับสั่งให้ประชุมสงฆ์ พระสงฆ์ต่างก็ออกช่วยหาผ้าบังสุกุลจีวร
ตามที่ต่าง ๆ แต่ได้ผ้ายังไม่เพียงพอที่จะเย็บจีวรได้ ความทราบถึงนางเทพธิดา
ซึ่งเคยเป็นปาณทุติยิกา (ภรรยาเก่า) ของพระเถระในชาติก่อน จึงได้เนรมิต
ผ้าทิพย์หมกไว้ในกองขยะ เมื่อพระอนุรุทธผ่านมาพบเข้าจึงซักผ้าบังสุกุลแล้ว
นำไปสมทบในการทำจีวร ในการทำจีวรครั้งนั้นพระพุทธองค์ได้เสด็จเป็น
ประธานและสนเข็ม พระสงฆ์สาวกพร้อมทั้งคฤหัสถ์ชายและหญิงได้ช่วยกัน
โดยพร้อมเพรียง นับว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนั้น พระพุทธองค์
ทรงกำหนดให้ทำผ้าแล้วเสร็จในวันนั้นก่อนอรุณขึ้น ถือเป็นการร่วมใจกันของ
หมู่ภิกษุสงฆ์ถ้าชักช้าจะทำให้ผู้ครองผ้ากฐินไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สามารถในการ
กรานกฐิน (การที่ภิกษุรับผ้ากฐินแล้วนำผ้าไปครองใหม่) นอกจากนี้เพื่อรักษา
ความศักดิ์สิทธิ์เพราะว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จไปเป็นประธานในที่นั้นด้วย
จะเห็นได้ว่าในตอนแรกความยากลำบากในการทำจุลกฐินตกอยู่กับพระ
ภิกษุสงฆ์ แต่ปัจจุบันความยากลำบากนี้ตกอยู่แก่ผู้ทอดเพราะต้องจัดการ
ทุกสิ่งทุกอย่าง พระภิกษุสงฆ์เป็นเพียงผู้รับผ้ากฐินและนำไปกรานกฐินเท่านั้น |