อานิสงส์ของการทอดจุลกฐินนั้นก็จะเกิดผลดีทั้งแก่ฝ่ายผู้ทอดและฝ่ายพระสงฆ์
ที่เป็นผู้รับ คือ ทางฝ่ายผู้ทอดและคณะนั้นจะได้ชื่อว่า
๑. ถวายทานภายในกาลเวลาที่กำหนดหรือที่เรียกว่ากาลทาน คือในปีหนึ่งถวาย
ได้เพียงในระยะเวลา ๑ เดือนเท่านั้นในข้อถวายทานตามกาลนี้มีพระพุทธภาษิตว่า
ผู้ให้ทานตามกาลความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลของผู้นั้นย่อมสำเร็จได้
๒. ได้สงเคราะห์พระสงฆ์ผู้จำพรรษาให้ได้ผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งห่มใหม่ แม้กฐินนั้น
จะตกแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งก็ได้ชื่อว่าถวายแก่สงฆ์เป็นส่วนรวม มีพระพุทธภาษิตว่า
การให้ผ้าถือว่าให้ผิวพรรณ
๓. ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งส่งเสริมผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ
ให้เป็นหลัก เป็นตัวอย่างแห่งคุณงามความดีของประชาชนสืบไป
๔. ทำให้จิตใจของผู้ทอดกฐินทั้ง ๓ กาล คือ ก่อนทอดกำลังทอด และทอด
แล้วที่เลื่อมใสศรัทธาและประรถนาดีนั้น
๕. การทอดกฐิน ยังทำให้เกิดความสมัคคีธรรม คือการร่วมมือกันทำคุณงาม
ความดี และถ้าการถวายกฐินนั้นมีส่วนได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดด้วยแล้ว ก็จะเป็นการร่วม
สามัคคีเพื่อรักษาศาสนวัตถุ ศาสนสถานให้ยั่งยืนต่อไป
Next |