สำหรับอานิสงส์ที่เกิดแก่ฝ่ายผู้รับคือพระสงฆ์นั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า พระภิกษุ
ผู้กรานกฐินแล้วย่อมได้รับประโยชน์ ๕ ประการด้วยกัน คือ
- รับนิมนต์ฉันไว้แล้วไปไหนไม่ต้องบอกลา ภิกษุในวัดตามความในสิกขา บทท่ ๖
แห่งอเจลกวรรค ปาจิตตีย์
๒. ไปไหนไม่ต้องนำไตรจีวรไปครบสำรับ
๓. เก็บผ้าที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษไว้ได้ตามปรารถนา
๔. จีวรอันเกิดในที่นั้นเป็นสิทธิของภิกษุเหล่านั้น
๕. ขยายเขตแห่งการทำจีวรหรือเก็บจีวรไว้ได้จนถึงสิ้นฤดูหนาว (คือจนถึงวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวันสุดท้าย)
จุลกฐินนี้จะนิยมทอดกันในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นได้แพร่
หลายเข้ามาทางภาคกลาง (จังหวัดสุโขทัย) และทางกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้วิถี
ชีวิตของคนไทยได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทั้งสภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้การจัด
ประเพณีจุลกฐินอาจจะลดขั้นตอนลงไปบ้าง โดยเฉพาะขั้นตอนของการปลูกฝ้าย
อาจจะเริ่มตั้งแต่การปั่นฝ้ายเป็นเส้นใย เป็นต้น และในระหว่างการทอผ้า อาจจะมีการ
นำวงดนตรีพื้นบ้านมาบรรเลงเพื่อสร้างความสนุกสนานในการเข้าร่วมทำบุญมหากุศลด้วย
เอกสารอ้างอิง
นววรรณ พันธุเมธา. 2551. จุลกฐิน ตำนานการทอดกฐินที่ควรสืบสาน.วัฒนธรรมไทย.
47(12).23 – 26.
|