บทร้องของโนราโกลน  ร้องด้วยกลอนสดจึงยากแก่การจดจำ  จำได้บ้างตอนขึ้นต้นบทเท่านั้น 
นานวันเข้าก็เลือนลืมผู้ที่จำไว้ได้บ้างก็ล้มหายตายจากไป  ตัวโนราโกลนเองตายไปหมดแล้ว
 เพราะตอนออกรำโนราโกลนอายุย่างเข้า  ๓๐-๔๐  แล้ว
  โนราโกลนมุ่งให้ความสนุกสนานเป็นสำคัญ  บทร้องอาจหยาบโลนไปบ้าง  ผู้ชมส่วนมากพอใจ
 เขาดูโนราแท้  มันเรียบ ๆ  ไม่กระโตกกระตาก  โนราโกลนจึงอยู่ในความนิยมของมหาชน
เมื่อ  ๕๐  ปีมาแล้ว  แข่งขันประชันโรงกับโนราจริง  ได้รับชัยชนะเสมอ  โนราจริงจึงไม่ยอม
แข่งขันประชันโรงกับโนราโกลน  ชนะก็เสียชื่อ  แพ้ก็เสียชื่อ
  ในอำเภอควนขนุน  จังหวัดพัทลุง  มีโนราโกลนอยู่หลายคณะ  มีคณะบ้านโพ  นายผุด
เป็นนายโรง  ผู้ร่วมคณะมีนายหุดนายพุ่มแชง  (มือทับพุ่มเทวา)  นายเฉย  นายฉาย 
คณะโนราโกลนโรงนี้ดังมาก  ท่านเจ้าคุณพุทธิธรรมธาดา  เจ้าอาวาสวัดสุวรรณวิชัย 
อำเภอควนขนุน  จังหวัดพัทลุง  ชอบมาก  ให้การสนับสนุนเต็มที่รับไปแสดงตามวัดต่าง ๆ 
และจัดให้มีคู่แข่งขันประชันโรง
    อีกคณะหนึ่งเป็นโนราโกลนบ้านทะเลน้อย  เป็นผู้หญิงล้วนในคณะมี  ๑๐  คน  ตั้งชื่อ
คณะว่า  “สิบสาวเก้ายน”  คือฟันหักหมดแล้วเก้าคน  ต้องตะบันหมากด้วยตะบันหรือ
บอกยน  ที่ฟันยังครบเคี้ยวหมากได้มีเพียงคนเดียว  คณะสิบสาวเก้ายนประดิษฐ์
เสื่อกระจูดเป็นเครื่องประดับร่างกาย  ไม่ใช้เปลือกหอยเช่น  โนราโรงอื่น ๆ
   อีกโรงหนึ่งคือ  คณะโนราไข่บ้าเดิด  ผู้ร่วมคณะคือ  โนรา  ไชยแก้ว  โนรารัก
 โนราโกลนบ้านแพรกหา  ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านเขาพนมวังก์  บ้านของโนราไข่บ้าเดิด
จะมาร่วมคณะด้วย
    ครูอาจารย์ของอำเภอควนขนุน  ที่มีอารมณ์สุนทรีจะร่วมกันร้องรำทำเพลงแบบ
โนราโกลน  มีอาจารย์เทศน์  สุวรรณเกศา  อาจารย์นุช  เรืองจันทร์  อาจารย์ไสว  ณ พัทลุง 
ให้ความสนุกสนานแก่ชาวบ้านได้ดีมาก  แต่ไม่ยอมแข่งขันประชันโรงชาวบ้านเขายกให้
เป็นโนราโกลนกิตติมศักดิ์
  นอกจากคณะโนราที่กล่าวแล้ว  ยังมีคณะโนราโกลนที่บ้านปากสระ  อำเภอเมืองพัทลุง 
จังหวัดพัทลุง  และมีคณะโนราโกลนชื่อดัง  จากอำเภอสทิงพระ  จังหวัดสงขลา  มาแข่งขัน
ประชันโรงกับโนราโกลนบ้านโพธิ์  หลายครั้ง
   โนราโกลนต้องเลิกล้มไป  ไม่ใช่เพราะขาดความนิยมจากมหาชน  แต่เนื่องจากโนราโกลน
รุ่นเก่าล้มหายตายจากไปคณะรุ่นใหม่ไม่มีการสืบสาน  เพราะการแสดงโนราโกลนยากมาก
คนที่มีอารมณ์ขันโดยธรรมชาติและรักศิลปะการแสดงจึงจะฝึกได้  ตอนหลังมีโนราโกลน
เกิดขึ้นบ้าง  แต่เป็นพวกโนราโกลนขี้เหล้า  ไม่ได้เกิดจากใจรักจึงไม่มีใครยอมรับ 
แม้จะมีใครพยายามฟื้นฟูขึ้นมาอีกก็เป็นไปได้ยากแล้ว  (พ่วง  บุษรารัตน์)